นายหาน จื้อเฉียง (H.E. Mr. Han Zhiqiang) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาชนจีนประจำประเทศไทย เข้าเยี่ยมคารวะ นายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2567 เพื่อหารือถึงการอัญเชิญพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) มาประดิษฐานที่ประเทศไทยเป็นการชั่วคราว
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ยินดีที่ได้พบเอกอัครราชทูตจีนฯ ไทยและจีนต่างมีความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดในทุกมิติ พร้อมยินดีที่นายกรัฐมนตรีและประธานาธิบดีจีนได้มีโอกาสพบหารือและหยิบยกประเด็นการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วฯ ร่วมกันในช่วงการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ณ เปรู ซึ่งสะท้อนถึงการให้ความสำคัญในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก รวมทั้งขอบคุณเอกอัครราชทูตจีนฯ ที่มีส่วนสำคัญในการประสานและอำนวยความสะดวกให้ภารกิจการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวที่ไทยในครั้งนี้เป็นโอกาสอันดีเพื่อเฉลิมฉลอง 2 วาระสำคัญในปี 2568 ได้แก่ การเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 และโอกาสครบรอบ 50 ปี ความสัมพันธ์ทางการทูตไทย-จีน ซึ่งจะช่วยจะยกระดับความร่วมมือ ทั้งในด้านศาสนา วัฒนธรรม ตลอดจนสร้างความเชื่อมโยงของประชาชนทั้งสองประเทศ
ด้านเอกอัครราชทูตจีนฯ กล่าวว่า การอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์อันล้ำค่าของจีน เพื่อการเฉลิมพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และแสดงออกถึงมิตรภาพที่มีต่อประชาชนชาวไทย โดยทางจีนยินดีที่จะให้ความร่วมมือและประสานงานอย่างใกล้ชิดเพื่อให้กระบวนการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วเป็นไปอย่างราบรื่นและประสบความสำเร็จ ซึ่งประธานาธิบดีจีนเน้นย้ำว่า จีนและไทยมีมิตรภาพที่พิเศษ เอกอัครราชทูตจีนฯ จึงพร้อมที่จะเป็นสื่อกลางในการสานต่อความร่วมมือให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้นผ่านสายสัมพันธ์ทางพระพุทธศาสนา วัฒนธรรม และศาสนพิธีที่สำคัญ
โอกาสนี้ ทั้งสองฝ่ายหารือร่วมกันถึงกระบวนการการอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐานเป็นการชั่วคราวในไทย โดยจะอัญเชิญจากวัดหลิงกวง กรุงปักกิ่ง พร้อมคณะต้อนรับและขบวนรถอัญเชิญพระเขี้ยวแก้ว ซึ่งจะผ่านถนนย่านสำคัญต่าง ๆ เช่น เยาวราช จากนั้นจะจัดริ้วขบวนอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วมาประดิษฐาน ณ ท้องสนามหลวง โดยจะมีมณฑปประดิษฐานพระเขี้ยวแก้ว ผสมผสานศิลปะแบบจีนและไทย รวมระยะเวลา 73 วัน โดยรัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ เน้นย้ำว่า การอัญเชิญพระเขี้ยวแก้วจะเป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สมพระเกียรติในฐานะที่พระเขี้ยวแก้วเป็นสิ่งที่ทรงคุณค่าสูงสุดอย่างหนึ่งของประเทศจีนและของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก
อนึ่ง การประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ (พระเขี้ยวแก้ว) ที่ไทยเป็นการชั่วคราว จะเปิดให้ประชาชนสักการะระหว่างวันที่ 4 ธันวาคม 2567 ถึงวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2568 รวมระยะเวลา 73 วัน ณ ท้องสนามหลวง จากนั้นจะอัญเชิญกลับสาธารณรัฐประชาชนจีนในวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2568