การเมือง
'สิริพงศ์' ยืดอกรับผล แจงลำบากใจ แต่ต้องทำตามสัญญา ปชช. ยันไม่ใช่งูเห่า
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส. จังหวัดศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงการงดออกเสียงสวนมติพรรคในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ ว่า เตรียมที่จะหารือและขอโทษผู้ใหญ่ในพรรคที่โหวตสวนมติไป โดยย้ำถึงเหตุผลที่งดออกเสียงว่าได้ทำตามที่สัญญาไว้กับประชาชนว่าจะสนับสนุน นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย เป็นนายกรัฐมนตรีเพียงคนเดียว และเมื่อมีคนถามว่าถ้าไม่ใช่นายอนุทิน ตนจะเลือกใคร ซึ่งเคยยืนยันไปว่าจะเลือกนายอนุทินคนเดียวเท่านั้น พร้อมกับชี้แจงว่าไม่ได้มีอคติกับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา และไม่เคยตั้งธงว่าจะไม่เลือก พล.อ.ประยุทธ์ แต่ทำตามที่สัญญาไว้กับประชาชน และยอมรับว่านี่คือทางออกของตน เพราะหาทางออกอื่นไม่ได้ และเชื่อว่าแต่ละคนมีก็มีทางออกที่ไม่เหมือนกัน
ทั้งนี้ นายสิริพงศ์ ย้ำว่า สาเหตุที่โหวตสวนมติพรรค เนื่องจากเคารพประชาชนและเคารพตนเอง ซึ่งก่อนการโหวตได้มีการหารือผู้ใหญ่ในพรรคและได้รับคำแนะนำมาหลายอย่าง ซึ่งในพรรคก็พยายามเต็มที่ที่จะหาทางออกให้กับประเทศ และพรรคพยายามที่จะเป็นขั้วที่ 3 แต่ไม่สามารถทำได้ ซึ่งทางผู้ใหญ่ของพรรคได้ชี้แจงว่าการแก้ปัญหาให้กับประชาชน คือต้องผลักดันนโยบายให้เป็นรูปธรรม แต่ตนเห็นว่า การแก้ปัญหาของประชาชน คือ ทุกพรรคต้องทำตามสัญญาที่ให้กับประชาชน และยืนยันว่าหลังจากนี้ในการประชุมพิจารณาวาระต่างๆ ของสภาผู้แทนราษฎร จะทำตามหน้าที่ ไม่จำเป็นต้องโหวตสวนมติพรรคตลอด
พร้อมกันนี้ นายสิริพงศ์ ยอมรับว่า คิดหนักหลังจากที่โหวตสวนมติพรรคไป แต่เมื่อทำไปแล้วก็ยืดอก และพร้อมที่จะรอรับผลที่จะตามมา โดยมั่นใจว่าไม่อึดอัดกับการทำงานกับพรรค และไม่มีแนวคิดที่จะลาออกจากพรรคไปพรรคไหน หรือไม่มีพรรคใดติดต่อทาบทามมา และกล่าวย้ำในคำพูดที่ว่า รักพรรคภูมิใจไทย แต่รู้สึกอึดอัดทุกครั้งที่เกิดประเด็นความขัดแย้งในสังคม นอกจากนี้ยังยืนยันว่าตนเองไม่ได้เป็นงูเห่า
“รู้ตัวว่าเหตุผลในการทำเพราะอะไร ทำด้วยความบริสุทธิ์ใจ และรู้สึกว่าไม่จำเป็นต้องไปรับเงินใคร” นายสิริพงศ์ กล่าว
และหลังจากนี้หากพรรคมีมติใดๆ ออกมาในการโหวตของสภาผู้แทนราษฎร คิดว่าการโหวตสวนมติพรรคจะเป็นสิ่งสุดท้ายที่ทำ เพราะหากตนเองเป็นหัวหน้าพรรคก็ไม่ต้องการให้ใครโหวตสวนมติพรรค พร้อมกันนี้ยังพูดถึงกระแสที่มีคนให้กำลังใจหลังเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ว่าขอบคุณทุกคน และตนอยากให้กำลังใจเพื่อน ส.ส. เพราะทุกคนเจอกับภาวะที่ยากลำบากเช่นกัน พร้อมกล่าวขออพภัย หากผลการกระทำของตนมีผลต่อการต่อรองเก้าอี้ของพรรคในการจัดตั้งรัฐบาล และทิ้งท้ายว่าสิ่งที่ทำไปไม่ได้อยากสร้างเงื่อนไขกับใคร แค่ทำตามที่พูดไว้กับประชาชนเท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
