อรุณี กาสยานนท์ โฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า กรณีที่คุณยายคนหนึ่งลงทะเบียนรับเงินเยียวยาเราชนะที่ธนาคารกรุงไทยวันแรกตามสิทธิ์ ต้องเสียน้ำตาเพราะรู้สึกค่าความเป็นคนของคนจนไม่มี ส่วนพนักงานธนาคารกรุงไทยซึ่งเป็นด่านหน้าในการช่วยเหลือประชาชนที่ปิดประตูใส่ผู้มาลงทะเบียนแล้วบอกว่าให้ไปถาม "ลุง" ซึ่งจะเป็นใครไปไม่ได้ สะท้อนว่ารัฐบาลชุดนี้ไม่เคยถอดบทเรียนจากความผิดพลาดของตัวเอง ทั้งที่มีดาต้าข้อมูลมากมายไม่เคยนำมาใช้ ไม่เคยกระจายอำนาจให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นช่วยประชาชนลงทะเบียน จนทำให้การเข้าถึงการเยียวยายากลำบากมากกว่าเดิม ทั้งที่สิทธิ์การเยียวยาเป็นสิทธิ์ที่ประชาชนทุกคนควรได้รับ เพราะมาจากภาษีของประชาชน จึงอยากให้ พล.อ.ประยุทธ์และรัฐบาลรู้ว่า คนจนก็เป็นคนเหมือนกัน ไม่มีใครสมควรต้องตกหล่นจากการเยียวยาครั้งนี้
ทั้งนี้ การเยียวยาที่เกิดขึ้นมาจากเม็ดเงินจากการกู้เงินมากว่า 1 ล้านล้านบาทเพื่อพยุงเศรษฐกิจและช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 ตั้งแต่กลางปี 2563 แต่กลับพบว่า ตัวเลขอัตราการขยายตัวทางเศรษฐกิจ (จีดีพี) ปี 2563 ติดลบ 6.1% ซึ่งต่ำสุดในรอบ 22 ปี นับตั้งแต่วิกฤติต้มยำกุ้ง ยิ่งเป็นเครื่องยืนยันว่า การบริหารงานของรัฐบาลผิดพลาด มีช่องโหว่ คิดไม่รอบด้าน และเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า เม็ดเงินที่กู้มาไม่ทำให้ประชาชนมองเห็นความหวังหรือภาพที่ชัดเจนขึ้นได้เลยว่าชีวิตของเขาจะเดินไปทางใด ตั้งแต่การเข้ามาบริหารของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ด้วยการยึดอำนาจจนถึงปัจจุบัน จีดีพีเติบโตต่ำมาโดยตลอด คนตกงานมากกว่า 750,000 คน มากที่สุดในรอบ 11 ปี หนี้ครัวเรือน 86.6% สูงสุดในรอบ 18 ปี พล.อ.ประยุทธ์ ถือเป็นผู้นำที่ขยันทำ New Low บ่อยที่สุดเป็นประวัติการณ์
“อย่าได้แปลกใจหากคนจะไร้ความหวังกับรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากประชาชน เพราะผลงานที่เป็นประจักษ์ ตัวเลขเศรษฐกิจฟ้องชัด พล.อ.ประยุทธ์ต้องยอมรับความจริงว่าทำได้แค่กู้ แต่แก้ไม่ได้ เพราะเศรษฐกิจอยู่ในสภาพเปราะบาง รัฐบาลไม่เคยมองเห็นประชาชนด้วยความเข้าอกเข้าใจว่าตอนนี้คนไทยกำลังจะอดตายกันหมดแล้ว” อรุณี กล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง :