วันที่ 13 ก.ย. 2565 ที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคเสรีรวมไทย เข้าให้การต่อ กกต. ภายหลังยื่นคำร้องขอให้ตรวจสอบกรณีพรรคการเมืองขนาดเล็กรับเงินพรรคการเมืองขนาดใหญ่ และพรรคการเมืองขนาดใหญ่ครอบงำพรรคการเมืองขนาดเล็ก
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวว่า วันนี้ได้ให้รายละเอียดเพิ่มเติมจากคำร้อง โดยสรุปว่าพรรคเล็กประมาณ 6 พรรค ยินยอมให้พรรคพลังประชารัฐเข้ามาครอบงำ เป็นความผิดทั้งสองฝ่ายตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง พรรคเล็กผิดตามมาตรา 28 ส่วนพรรคใหญ่ผิดตามมาตรา 29
พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ กล่าวว่า การครอบงำหมายถึงว่า พรรคเล็กหรือพรรคปัดเศษ คิดว่าจะอยู่กับใคร ถ้าได้เงินที่ไหนก็แห่ไปที่นั่น ฝ่ายค้านไม่มีเงิน ก็แห่ไปอยู่พรรคใหญ่ฝั่งรัฐบาลอย่างพรรคพลังประชารัฐ ฉะนั้น การครอบงำจากพรรคพลังประชารัฐก็ดึงพวกนี้ไป จ่ายเป็นรายเดือนให้ทั้งพรรคเล็ก และบุคคลในพรรคเองด้วย อย่างในพรรคพลังประชารัฐและพรรคภูมิใจไทย
"ผมก็งงไม่รู้เอาเงินจากไหนมาจ่าย ถ้าไม่ทุจริตกันเนี่ยเอามาจ่ายกันมากมายไม่ได้หรอก ไปประชุม ไปทำอะไร ไปรับเงินที่บ้านป่ารอยต่อ บ้านป่ารอยต่อใครดูแลอยู่ ใครเจ้าของบ้าน”
ผู้สื่อข่าวถามว่ามีพยานหลักฐานชัดเจนหรือไม่ พล.ต.อ. เสรีพิสุทธ์ ตอบว่า ไม่เห็นภาพ แต่มีการโอนเงินกัน มีการเซ็นรับเป็นหลักฐาน มีเลขบัญชีด้วย ซึ่งคล้ายกับที่เคยมีการเปิดเผยกับสื่อครั้งก่อน
“ส.ส. มีหน้าที่ออกกฎหมาย แต่ไม่รู้กฎหมาย ก็โทษตัวเขาไม่ได้ ก็ชาวบ้านเลือกมาหรือจ่ายเงินกันมา ก็มาเป็น ส.ส. แล้ว เป็นแล้วก็ไม่รู้เรื่อง วันๆ ก็ไม่ทำงาน ผมไม่เคยเห็นทำงานเลย ไม่เคยเห็นอภิปรายเลย 6-7 คนที่มีชื่อในนี้ มี นพ.ระวี มาศฉมาดล ส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ พรรคพลังธรรมใหม่ คนเดียวที่ผมเห็นทำงาน”
ผู้สื่อข่าวถามว่า คาดว่า กกต. จะสรุปคดีได้เร็วไหม พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ตอบว่า โชคดีได้ตำรวจมาดูแลเรื่องนี้ คาดว่าการสอบสวนไปด้วยความรวดเร็วและเป็นธรรม เตรียมไว้แล้ว จึงเชื่อว่าจะง่าย พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ย้ำว่า มั่นใจในหัวหน้าคณะกรรมการสอบสวนว่าเป็นคนมีความรู้ความสามารถและเป็นธรรม กกต. ก็เข้าใจ พ.ร.ป.พรรคการเมืองฯ และ พ.ร.ป.เลือกตั้งฯ ได้ดีกว่าตนด้วยซ้ำไป วันนี้ดูการทำงานของเขาก็ใช้ได้ พร้อมทั้งกำชับเขาว่าจะทำเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด จะช้าหรือเร็วขึ้นอยู่กับกระบวนการขึ้นไปที่กรรมการการเลือกตั้ง คิดว่ายังไงก็ถึงศาลรัฐธรรมนูญที่พิจารณาพรรคเล็ก และพรรคใหญ่อย่างพลังประชารัฐด้วย
ทางด้าน สมชัย ศรีสุทธิยากร ประธานยุทธศาสตร์ขับเคลื่อนนโยบายพรรคเสรีรวมไทย กล่าวว่า วันนี้ถือเป็นการเรียกบุคคลฝั่งผู้ร้องในกรณีดังกล่าว โดยมี 2 ราย คือ 1. ศรีสุวรรณ จรรยา และ 2. พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ เตมียเวส ซี่งบรรยากาศวันนี้ พนักงานสอบสวนเรียกดูรายละเอียดพอสมควร ถือว่าข้อมูลเพียงพอ แต่อย่างไรก็ตาม คงมีการเรียกฝั่งผู้ถูกร้องออกมาชี้แจงครั้งถัดไปด้วย
ส่วนการตรวจสอบหมายเลขบัญชีธนาคารต่างๆ กกต. ส่งเอกสารเมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ขอตรวจสอบทุกธนาคารที่เกี่ยวข้องว่า หมายเลขบัญชีดังกล่าวมีเงินเข้ามาจำนวนเท่าใด เกี่ยวข้องกับใครบ้าง สาเหตุที่ช้าไปเพราะเรื่องติดอยู่ที่เลขาธิการ กกต. ไปเดือนหนึ่ง ซึ่งฝ่ายสอบสวนทำได้เร็วแล้ว
“กกต. ควรสรุปเรื่องดังกล่าว ถ้าผิดก็ควรส่งศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง อย่ารอการเลือกตั้งเสร็จแล้ว แล้วมีผลการเลือกตั้งออกมาแล้วค่อยส่งศาลรัฐธรรมนูญ มิฉะนั้น กกต. เองอาจมีข้อกล่าวหาได้ว่าช่วยบางพรรคให้สามารถลงสมัครรับเลือกตั้งได้ มีบทเรียนที่ กกต. ในอดีตเคยโดนลงโทษตามกฎหมาย เรื่องราวทั้งหมดนี้เรามองว่ามีเวลาเพียงพอ”
สมชัย ยืนยันว่า ในส่วนผู้ร้องจบแล้ว ในส่วนผู้ถูกร้องต้องเชิญมาอีกทีหนึ่ง แต่ถ้าผู้ถูกร้องไม่มาก็ถือว่าไม่ใช้สิทธิในการชี้แจงข้อเท็จจริง ซึ่งแม้ว่าบางพรรคเล็กถูกยุบไปแล้ว แต่ความผิดยังมีต่อตัวบุคคล ไม่ว่าจะย้ายไปอยู่พรรคไหนก็แล้วแต่ อาจถึงขั้นเพิกถอนสิทธิลงทางการเมือง ขณะที่พรรคใหญ่ก็อาจมีบทบาทสำคัญในการเลือกตั้งครั้งต่อไปด้วย จึงควรดำเนินการก่อนการเลือกตั้งครั้งต่อไป