พรรคฝ่ายค้านทั้ง 28 พรรค ซึ่งเรียกตัวเองว่าเป็นพันธมิตรรวมการพัฒนาแห่งชาติอินเดีย (INDIA) ได้ประกาศเมื่อวันศุกร์ (1 ก.ย.) ว่า ทางกลุ่มจะดำเนินการจัดเตรียมการแบ่งผู้สมัครในรัฐต่างๆ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดการตัดคะแนนกันเอง ซึ่งจะก่อให้เกิดความได้เปรียบต่อพรรคของโมดีได้ ทั้งนี้ การเลือกตั้งทั่วไประดับชาติของอินเดีย มีกำหนดการจะจัดขึ้นในเดือน พ.ค. 2567 นี้
โซเนีย คานธี และ ราหุล คานธี ผู้นำพรรคคองเกรสแห่งชาติอินเดีย ร่วมมือกับผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญอื่นๆ รวมถึง ชาราด ปาวาร์, อาร์วินด์ เคชริวัล, สิตารัม เยชูรี และ ลาลู ปราสาด ยาดาฟ ในการจัดการประชุมเป็นเวลา 2 วันในนครมุมไบ เมืองหลวงทางการเงินและความบันเทิงของอินเดีย โดยเป้าหมายของแนวร่วม INDIA คือ การจัดให้มีการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งจากกลุ่มเพียง 1 คนเท่านั้น เพื่อแข่งขันโดยตรงในแต่ละเขตการเลือกตั้งกับผู้สมัครจากพรรค BJP
บรรดาพรรคฝ่ายค้านของอินเดีย ได้ก่อตั้งกลุ่มพันธมิตรทางการเมืองนี้ขึ้นในเดือน มิ.ย. และกำลังท้าทายพรรคของโมดี จากการบริหารงานด้านเศรษฐกิจที่ตกต่ำ อัตราการการว่างงานที่เพิ่มขึ้น และปัญหาภายในประเทศอื่นๆ มากมาย รวมถึงความรู้สึกต่อต้านชาวมุสลิมที่เพิ่มขึ้นในบรรดากลุ่มชาตินิยมฮินดู ซึ่งได้รับการสนับสนุนทั้งทางตรงและทางอ้อมจากพรรคของโมดี
มัลลิการ์ชุน คาร์เก ประธานพรรคคองเกรสกล่าวว่า ทุกส่วนของสังคมรวมถึงปัญญาชนสาธารณะและผู้สื่อข่าว ต่างตกเป็นเหยื่อของ “การปกครองอันเป็นเผด็จการที่ผิดพลาด” ของพรรค BJP พร้อมระบุย้ำว่า “ความเป็นพิษของการรวมตัวกันใน BJP และ RSS แพร่กระจายในช่วง 9 ปีที่ผ่านมา บัดนี้มันสามารถพบเห็นได้ในอาชญากรรมแห่งความเกลียดชัง”
ทั้งนี้ RSS หรือ รัชตรียา สวายัมเสวัค สังข์ เป็นองค์กรชาตินิยมฮินดูฝ่ายขวาจัด ซึ่งก่อตั้งขึ้นเมื่อปี 2468 ตามแนวทางของกลุ่มฟาสซิสต์ในยุโรป โดยทางกลุ่มดังกล่าวนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อสร้างรัฐอินเดียที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวฮินดู ทั้งนี้ RSS เป็นองค์การที่พรรค BJP ของโมดีแอบอิงอุดมการณ์ของกลุ่ม และทางกลุ่ม RSS ยังระบุอีกว่า โมดีในฐานะนายกรัฐมนตรีอินเดีย ยังเป็นหนึ่งในหมู่สมาชิกของกลุ่มที่มีอยู่หลายล้านคนทั่วอินเดียอีกด้วย
ซัมบิท ภัทรา โฆษกพรรค BJP ออกมากล่าวโจมตีการประชุมร่วมของพรรคฝ่ายค้านแนวร่วม INDIA และกล่าวว่าพันธมิตร INDIA มีไว้เพื่อแสร้งสร้างความสามัคคีเท่านั้น และพวกเขาจะลงเอยด้วยการทะเลาะกันอย่างเลวร้าย ในระหว่างการเลือกตั้งปี 2567 ที่กำลังจะมาถึง
ลาลู ยาดาฟ อดีตมุขมนตรีรัฐพิหาร ระบุว่าผู้นำฝ่ายค้านต่างตกเป็นเป้าของการบุกค้นและการสอบสวน โดยหน่วยงานของรัฐบาลกลางที่ควบคุมโดยรัฐบาลโมดี ทั้ง กรณีการสอบสวนมากกว่าสิบกรณีเหล่านี้ นำไปสู่การแปรพักตร์ของผู้นำฝ่ายค้าน ที่เปลี่ยนแนวทางไปร่วมกับพรรค BJP ที่จะส่งผลให้มีการยกเลิกข้อกล่าวหา หรือลดแรงกดดันลง ต่อผู้ที่แปรพักต์ไปเป็นแนวร่วมพรรครัฐบาล อย่างไรก็ดี พรรค BJP ปฏิเสธความเกี่ยวข้องใดๆ ในคดีเหล่านี้
การปกครองอินเดียของโมดี ดำเนินไปพร้อมกันกับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจหลังการแพร่ระบาดของโควิด-19 อัตราการว่างงานที่เพิ่มขึ้น การโจมตีของกลุ่มชาตินิยมฮินดูต่อชนกลุ่มน้อย รวมถึงพื้นที่สำหรับผู้เห็นต่างในอินเดียที่หดน้อยลง ทั้งนี้ โมดีถูกกล่าวหาว่าผ่านกฎหมายต่อต้านมุสลิม และดำเนินนโยบายต่อต้านมุสลิม
นอกจากนี้ ในปี 2562 โมดียังได้ยุติรูปแบบการปกครองกึ่งการปกครองตนเองในแคชเมียร์ของอินเดีย ซึ่งเป็นภูมิภาคเดียวของอินเดีย ที่มีประชากรส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม และโมดียังได้ออกกฎหมายว่าด้วยความเป็นพลเมืองอินเดีย ซึ่งคณะมนตรีสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติวิจารณ์ว่าเป็นกฎหมายที่มี “การเลือกปฏิบัติโดยพื้นฐาน” เนื่องจากกฎหมายมีการยกเว้นสถานะพลเมืองอินเดียต่อผู้อพยพชาวมุสลิม
อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์กล่าวว่าความพยายามของฝ่ายค้านในครั้งนี้ ที่จะโค่นล้มโมดีลงจากอำนาจยังคงเป็นเรื่องที่ยากลำบาก เนื่องจากโมดีเป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของอินเดีย และพรรค BJP ของโมดียังคงควบคุมการปกครองได้โดยตรงใน 10 รัฐจากพื้นที่ทั้งหมด 28 รัฐของอินเดีย นอกจากนี้ พรรค BJP ยังอยู่ในกลุ่มแนวร่วมการปกครองของรัฐอื่นๆ อีก 4 รัฐ และมีที่นั่งมากกว่า 55% ของที่นั่งทั้งหมด 543 ที่นั่งในสภาผู้แทนราษฎรของรัฐสภาอินเดีย
โมดีขึ้นเป็นนายกรัฐมนตรีในปี 2557 และชนะการเลือกตั้งสมัยที่ 2 ของพรรค BJP ในปี 2562 จากชัยชนะที่ได้มาอย่างง่ายดายของเขา สืบเนื่องจากความแตกแยกของพรรคฝ่ายค้านในอินเดีย “พื้นที่ของ INDIA คิดเป็น 60% ของประชากรอินเดีย และถ้าเรารวมตัวกันอย่างมีประสิทธิภาพ มันก็เป็นไปไม่ได้เลยที่พรรค BJP จะชนะ” ราหุล คานธี ศัตรูทางการเมืองคนสำคัญของโมดีกล่าวเมื่อวันศุกร์
ที่มา: