นายสมชัย ศรีสุทธิยากร อดีตคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. กล่าวถึงกรณีนายไพบูลย์ นิติตะวัน หัวหน้าและ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชนปฏิรูป ได้ยื่นยกเลิกพรรคและจะย้ายพรรคว่าปัญหาอยู่ที่ความชัดเจนของกฎหมายและไม่เคยมีตัวอย่างหรือแนวปฏิบัติมาก่อน แม้ชัดเจนใน 2 ประเด็นแล้วว่า การเลิกหรือยุบพรรคทำได้ กับ สถานภาพของนายไพบูลย์ ที่ยังเป็น ส.ส.และต้องหาพรรคใหม่สังกัดใน 60 วันก่อนจะสิ้นสภาพ แต่หลังจากนี้ไม่มีใครทราบและ กกต.ต้องให้ความชัดเจน ทั้งนายไพบูลย์ เป็นส.ส.แบบบัญชีรายชื่อ ที่ทำให้มีประเด็นปัญหามากมาย ไม่ว่าจะเป็น การต้องนำคะแนน 4 หมื่น 5 พันคะแนนไปรวมหรือจะอยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคใหม่หรือไม่ แต่หากอยู่นอกบัญชีก็กลายเป็น ส.ส.อมตะ ที่ไม่ว่าจะมีการเลือกตั้งใหม่กี่ครั้งใน1ปีก็จะไม่กระทบกับนายไพบูลย์ และอาจเป็นตัวอย่างให้นักการเมืองที่ไม่มั่นใจในสถานภาพของตัวเองดำเนินการตาม
นายสมชัย กล่าวด้วยว่า ปัญหาข้อกฎหมายดังกล่าวเป็นสิ่งที่อดีตคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ หรือ กรธ.ที่มีนายมีชัย ฤชุพันธุ์ เป็นประธานได้สร้างขึ้น และถึงเวลาที่ทุกฝ่ายต้องทบทวนด้วย ซึ่งอดีต กรธ. ไม่ควรปากแข็งว่ารัฐธรรมนูญ ปี 2560 นั้นดีที่สุด เพราะจากการบังคับใช้ที่ผ่านมาเกิดปัญหาที่สร้างการผูกขาดให้กับกลุ่มคนเพียงกลุ่มเดียวใช้และอยู่ในอำนาจต่อไปเท่านั้น
อย่างไรก็ดีนายสมชัย มองว่า ทุกอย่างจะชัดเจน หลังจากนายไพบูลย์ไปสมัครเป็นสมาชิกอีกพรรคการเมืองหนึ่ง และพรรคการเมืองนั้นส่งเรื่องมายัง กกต. เพื่อจะพิจารณาสถานะและปัญหาในเรื่องนี้จากการณีของนายไพบูลย์ ซึ่งการสังกัดพรรคใหม่ จะต้องคำนึงถึงจำนวน ส.ส.พึงได้ของพรรคนั้นๆ ที่รวมนายไพบูลย์ไปไว้แล้วด้วย เนื่องจากต้องคำนวน ส.ส.พึงมีของแต่ละพรรคการเมืองใหม่โดยตัดคะแนน 45,000 คะแนนของพรรคประชาชนปฏิรูปออกไป