เมื่อเวลาประมาณ 15.30 น. วันที่ 6 มิ.ย. 2565 ที่โรงแรมบียอนด์ รีสอร์ท กะตะ จ.ภูเก็ต พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เป็นประธานในพิธีเปิดการสัมมนากำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวประเทศไทย (Thailand Tourism Congress 2022) โดยมี พิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.การท่องเที่ยวและกีฬา สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน กนกวรรณ วิลาวัลย์ รมช.ศึกษาธิการ ยุทธศักดิ์ สุภสร ผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) พร้อมคณะผู้บริหาร ททท. เข้าร่วม และมี ณรงค์ วุ่นซิ่ว ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต และภาคธุรกิจโรงแรมและการท่องเที่ยว จ.ภูเก็ต ให้การต้อนรับ
โดยภายในงานสัมมนา นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยว จังหวัดภูเก็ต กล่าวชื่นชม รัฐบาลที่แก้ไขสถานการณ์การระบาดของโรคโควิด-19 จนได้รับเสียงชื่นชมจากนานาชาติ รวมถึง จัดทำ โครงการภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ นำร่องให้เกิดการขับเคลื่อนการท่องเที่ยวของประเทศ และได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยวต่างประเทศ และ โครงการเราเที่ยวด้วยกัน 4 เฟสที่ผ่านมา ทำให้ภูเก็ต ค่อยๆ ฟื้นตัว และทำให้ประเทศไทย เป็นหนึ่งในตัวเลือกในการเดินทาง มาท่องเที่ยว และเป็นตัวเร่งการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวไทย ให้เกิดขึ้นและนำหน้าประเทศต่างๆในภูมิภาคนี้อย่างน่าชื่นชม
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวปาฐกถาพิเศษ เรื่อง “ยุทธศาสตร์การยกระดับการท่องเที่ยวไทย สู่การท่องเที่ยวคุณภาพที่ยั่งยืน” โดยกล่าวทันทีที่ขึ้นเวทีว่า Are You Ready พร้อมถอดหน้ากากอนามัย เพื่อกล่าวปาฐกถา โดยกล่าวช่วงหนึ่งว่า “เวลาที่ทุกคนเจ็บปวดผมเจ็บปวดกว่าเพราะผมเป็นนายกรัฐมนตรีที่ต้องแบกรับทุกอย่าง แต่จะพยายามทำให้ดีที่สุดซึ่งต้องขอขอบคุณในคำกล่าวของทุกคน เป็นการพูดที่สรุปได้ตรงใจและขอปรบมือให้ คุณบอกเป็นพระอาทิตย์ คุณอย่าลืมพระจันทร์ เพราะผมคือจันทร์โอชา วันนี้ที่เราเดินมาถึงวันนี้ได้ เพราะเรามีหัวใจดวงเดียวกันที่จะทำให้ประเทศของเราเดินไปข้างหน้า สิ่งที่มาพบกันในวันนี้ คือมาให้กำลังใจขอบคุณทุกคนที่มาต้อนรับ”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศเราจำเป็นต้องสืบสาน รักษา ต่อยอดในทุกเรื่อง เรามีของดีของเราอยู่แล้วเรามีเอกลักษณ์ อัตลักษณ์วัฒนธรรมประเพณี และอย่าลืมรอยยิ้มของพวกเราซึ่งถือเป็นสิ่งสำคัญที่เป็นใครใครก็รัก นายกฯอาจจะยิ้มน้อยหน้าตาดุมากเพราะคุ้นเคยกับชีวิตที่ค่อนข้างที่จะเครียดและเจอกับปัญหามาตลอดทั้งชีวิต แต่มาเจอกับพวกเราวันนี้ขอยิ้ม และยินดีกับพวกเราทุกคนที่การตัดสินใจของรัฐบาลไม่ผิดในการเลือกภูเก็ตเป็นจังหวัดเปิดนำร่องการท่องเที่ยวของประเทศไทย ยอมรับว่าเป็นการตัดสินใจที่ยากที่สุด คณะแพทย์ก็เป็นห่วงก็เห็นใจด้านสาธารณสุขที่มีความกังวล แต่ทั้งหมดถือเป็นความร่วมมือร่วมใจของคนทั้งประเทศที่ทำให้ตนกล้าตัดสินใจ ถึงวันนี้ก็ต้องกล้าตัดสินใจต่อ ลงมาถึงภูเก็ตวันนี้เห็นรอยยิ้มของผู้ว่าราชการจังหวัดและทุกๆคน และได้รับคำตอบว่านักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้น วันนี้มีรายงานเข้ามาและตนก็อ่านจนตาแฉะเกือบทุกวันว่ามีอะไรก้าวหน้าบ้าง ที่ผ่านมารับปัญหาทุกเรื่องทั้งหมด 20 กว่ากระทรวง
“ไม่มีใครจะแก้ปัญหาได้เพียงลำพังทั้งสิ้น ถ้าดีท่านเอาไปเลย ถ้าไม่ดีผมรับผิดชอบเอง” เมื่อพล.อ.ประยุทธ์พูดมาถึงตรงนี้ มีเสียงตะโกน “ลุงตู่สู้ๆ”
ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “ขอบคุณ ผมสู้มาตลอดอยู่แล้ว สู้จากวันนั้นจนถึงวันนี้ เมื่อสักครู่นั่งในห้องกับ รมว.แรงงาน เห็นทะเลภูเก็ต อยากลงน้ำจริงๆ ผมบอกความจริงว่า 8 ปีไม่เคยเหยียบน้ำทะเลเลย ทั้งที่แต่ก่อนได้ไปทุกที่ได้ลงน้ำทะเลอย่างอิสระเสรี แต่ทุกวันนี้ไปไหนไม่ได้แต่จะด้วยอะไรก็แล้วแต่ไม่ได้โกรธใครทั้งสิ้น แต่ผมไม่ต้องการให้เป็นภาระของใครและไม่อยากให้มีสิ่งที่เป็นปัญหากับผม แต่ผมคิดถึงน้ำทะเล คิดถึงทะเลใสใส มองหน้าต่างออกไป โอ้โห ประเทศไทย ภูมิใจที่ได้เกิดมาเป็นคนไทย”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนอยู่ทั้ง 77 จังหวัดที่เดือดร้อนจากโรคระบาด โควิด-19 แก้ปัญหาทั้งประเทศ อะไรที่แก้ได้เร็วแก้ได้ก่อน อะไรที่เป็นไปได้เพื่อพยุงประเทศของเราให้เดินหน้าต่อไปให้ได้ เราคือพี่น้องกัน เราต้ิงช่วยกันคิดว่าประเทศไทยทำอย่างไรจะให้เกิดความเชื่อมโยงกันให้ได้โดยเฉพาะเรื่องของการท่องเที่ยวและเรื่องอื่นๆเรามีศักยภาพที่อาจจะต่างกัน แต่เรามีดีทุกอัน ทุกที่ ทุกภาค ขอให้หาให้เจอแล้วเราจะเจอทางออกของเราที่จะนำไปสู่ความยั่งยืน วิกฤติที่ผ่านมาได้เห็นความร่วมมือของทุกภาคส่วนในสังคมไทยที่มีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีจิตสาธารณะ จิตอาสานี่คือประเทศไทย ทุกอย่างไม่ต้องห่วง ถ้าเราทำทุกอย่างให้เป็นนิสัยได้ก็จะไม่เห็นอะไรที่รกหูรกตา ทุกอย่างจะเรียบร้อยเพราะทุกคนต่างเห็นว่าเป็นธุระของเราทั้งสิ้น รู้ดีว่าถ้าไม่ลำบากหรือเดือดร้อนคนก็จะไม่ออกมาพูด แต่เราต้องดูแลทุกคนให้ไปให้ได้ในแนวทางและทิศทางที่เราจะพัฒนากันต่อไป
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้การท่องเที่ยวตัวเลขเริ่มดีขึ้นมาอีกครั้ง ตนมั่นใจสถานการณ์การท่องเที่ยวของเราจะค่อยๆ กลับคืนสู่ภาวะปกติและดีขึ้นกว่าเดิม ประเทศชาติก็สงบสุขในระดับหนึ่ง ขอให้นึกถึงประเทศไทยนี่คือแผ่นดินเกิดแผ่นดินตายของพวกเรา เราทำการท่องเที่ยวที่มีความรับผิดชอบซึ่งไม่ใช่หน้าที่ของรัฐบาลเพียงอย่างเดียวแต่เป็นหน้าที่ของทุกคนที่มีส่วนเกี่ยวข้องภูเก็ตก็ต้องร่วมมือกับจังหวัดอื่นด้วย วันนี้การท่องเที่ยวเป็นพระเอก เป็นการลงทุนที่ไม่มากนัก”
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รัฐบาลขอมอบยุทธศาสตร์แห่งรอยยิ้ม (SMILES) ให้ทุกคนได้นำไปเป็นกรอบในการระดมสมอง ให้ความสำคัญกับความยั่งยืน ทั้งเรื่องการใช้พลังงานไปจนถึง Food Wasteให้ความสำคัญกับทรัพยากรมนุษย์ทางด้าน การท่องเที่ยว ที่มีทักษะในระดับนานาชาติ แต่รักษาเอกลักษณ์ความเป็นไทยได้อย่างมีเสน่ห์ การให้ความสำคัญกับเศรษฐกิจแบบมีส่วนร่วม ให้ความสำคัญกับคนทุกเพศ ทุกวัย เด็ก คนชรา ออกแบบสถานที่การท่องเที่ยวให้ตอบสนองทุกกลุ่มคน และสร้างโอกาสในการทำงานด้านการท่องเที่ยวให้กับผู้ด้อยโอกาส
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สิ่งที่รัฐบาลอยากให้เน้นเพื่อการท่องเที่ยวคือ ให้ความสำคัญเรื่องคน (People) ใส่ใจโลก (Planet) และสิ่งแวดล้อม (Profit) และกำไรของท่านจะตามมาเอง รัฐบาลขอให้กำลังใจกับทุกคนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย และจะร่วมกันแก้ปัญหาที่ค้างคามานาน ตั้งแต่เรื่องพระราชบัญญัติโรงแรมที่กำลังปรับปรุงให้สอดคล้องกับบริบทที่เปลี่ยนไป รวมถึงการจะให้ภูเก็ตเป็นพื้นที่นำร่องในรูปแบบ sandbox ในหลายมิติสำคัญ เช่น การปรับปรุงกฎหมายบางฉบับที่สนับสนุนการท่องเที่ยว ซึ่งเรื่องนี้คณะที่ปรึกษาด้านผลกระทบทางเศรษฐกิจและสังคม ใน ศบค. ได้ให้ความสนใจและประสานงานกับทางจังหวัดภูเก็ตอย่างต่อเนื่องและใกล้ชิด
การกำหนดยุทธศาสตร์การท่องเที่ยวไทย ได้ร่วมกันกำหนดทางเดินของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทย ให้มียุทธศาสตร์ อย่างรู้ทันแนวโน้ม และการเปลี่ยนแปลงของโลกทั้ง Demand ทั้ง Supply เพื่อส่งต่ออุตสาหกรรมหลักนี้ ให้คนรุ่นต่อไปได้อย่างภาคภูมิใจ นี่คือเวลาที่ดีที่สุด ที่เราจะกำหนดอนาคตท่องเที่ยวไทย ด้วยคนท่องเที่ยวเองรัฐบาลจะรอรับบทสรุปจากการระดมสมองกำหนดยุทธศาสตร์ท่องเที่ยวไทยในครั้งนี้ จะนำทุกข้อเสนอไปพิจารณา และจะลงมือทำในสิ่งที่ทำได้ทันที เพื่อให้เครื่องยนต์เศรษฐกิจสำคัญนี้ เป็นกำลังหลักให้ประเทศไทยต่อไป แต่ทั้งหมดก็ต้องใช้งบประมาณด้วย ซึ่งก็ต้องรอดูกฎหมายงบประมาณในวาระ 2-3 ถ้าผ่านไม่หมดก็ต้องกลับมา เพราะฉะนั้นก็ต้องรอดูการผ่านกฎหมายงบประมาณในสภาด้วย”
อีกทั้ง พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า “นายกฯ เป็นคนที่นึกถึงคนอื่นเสมอ อยากให้ทุกอย่าง วันนี้มาก็ให้หัวใจคนภูเก็ตไปหมดแล้ว ผมไม่เคยเป็นนายกฯ มาก่อน ก่อนเป็นนายกฯ ครั้งนี้ เคยเป็นแต่ ผบ.ทบ.อาจจะเป็นนานหน่อย แต่ทำให้งานมันเดิน อาจมียุทธศาสตร์ ไม่ใช่ผมอยู่จนตายคารัง แหม่..ขึ้นอยู่กับประชาชนอยู่แล้ว แต่ในขณะที่อยู่ก็ขอให้ช่วยกัน ผมพร้อมที่จะยิ้มให้กับทุกคน ความจริงผมเป็นคนใจดีนะ ขอบคุณมากๆ ผมมีความตั้งใจ มีความพยายามสูงแต่จะสำเร็จหรือไม่ก็อยู่ที่เราช่วยกัน”
ข่าวที่เกี่ยวข้อง