ในอีกทางหนึ่ง สื่อของเกาหลีใต้รายงานว่า ขีปนาวุธดังกล่าวของเกาหลีเหนือถูกยิงออกจากพื้นที่ชายฝั่งตะวันออก เมื่อช่วงเวลาประมาณเที่ยงคืน ทั้งนี้ การยิงขีปนาวุธโดยเกาหลีเหนือในครั้งนี้ เกิดขึ้นท่ามกลางการซ้อมรบประจำปีของสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ ซึ่งกระตุ้นให้เกาหลีเหนือออกมาทดสอบยิงขีปนาวุธอยู่บ่อยครั้ง นอกจากนี้ รัฐบาลเกาหลีเหนือยังประณามการซ้อมรบร่วมดังกล่าวด้วย
กองทัพเกาหลีเหนือระบุว่า ขีปนาวุธดังกล่าวถูกยิงเมื่อช่วงค่ำของวันพุธ (30 ส.ค.) ใน "การฝึกซ้อมโจมตีด้วยนิวเคลียร์ทางยุทธวิธี จำลองการโจมตีเผาไหม้พื้นดินที่ศูนย์บัญชาการหลักๆ และสนามบินปฏิบัติการ" ในเกาหลีใต้ “การฝึกซ้อมนี้มีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งข้อความที่ชัดเจนไปยังศัตรู” ที่ “ท้าทายเราด้วยภัยคุกคามทางทหาร อาทิ การติดตั้งทรัพย์สินทางยุทธศาสตร์ทางนิวเคลียร์ แม้ว่าเราจะเตือนในหลายครั้งแล้วก็ตาม”
ฟูมิโอะ คิชิดะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์การยิงขีปนาวุธดังกล่าวจากเกาหลีเหนือ โดยคิชิดะกล่าวว่า การยิงขีปนาวุธในครั้งนี้ไม่เพียงแต่คุกคามสันติภาพ และเสถียรภาพของญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ยังหมายรวมถึงประชาคมระหว่างประเทศด้วย
เกาหลีเหนือได้ทำการทดสอบอาวุธหลายครั้งเป็นประวัติการณ์ในปีนี้ โดยการทดสอบล่าสุดเกิดขึ้น 1 วัน ก่อนที่เกาหลีใต้และสหรัฐฯ จะยุติการซ้อมรบทางทหารของอุลชีฟรีดอมชิลด์ที่ใช้เวลา 11 วัน ทั้งนี้ ตามรายงานของสื่อเกาหลีใต้ระบุว่า การซ้อมรบการป้องกัน ซึ่งมีการใช้เครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ B-1B ของสหรัฐฯ อย่างน้อย 1 ลำ เพื่อเข้าร่วมการซ้อมรบ และบินอยู่เหนือคาบสมุทรเกาหลี
คิมจองอึน ผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือ เข้าสังเกตการณ์การซ้อมยิงขีปนาวุธเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (29 ส.ค.) เพื่อเตรียมความพร้อมแก่ผู้บัญชาการระดับสูงของเกาหลีเหนือ สำหรับการทำสงครามกับเกาหลีใต้อย่างเต็มรูปแบบ ทั้งนี้ ตามรายงานของสื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ การฝึกซ้อมดังกล่าวจำลองการต่อต้านการรุกรานอย่างกะทันหัน จากนั้นเกาหลีเหนือได้ซ้อมการเปิดการโจมตีตอบโต้ยึดครอง “ดินแดนทั้งหมดครึ่งหนึ่งของทางใต้”
แม้ว่าเกาหลีเหนือจะถูกสหประชาชาติประกาศคว่ำบาตร แต่คิมได้ให้คำมั่นในหลายครั้ง ที่จะเพิ่มการผลิตหัวรบนิวเคลียร์ในประเทศ และพัฒนาอาวุธให้มีความทรงพลังมากขึ้น โดยในปีนี้ เกาหลีเหนือยังคงทดสอบขีปนาวุธอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกาหลีเหนือมีการยิงขีปนาวุธสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในปี 2565 ซึ่งรวมถึงขีปนาวุธที่สามารถโจมตีไปถึงดินแดนของสหรัฐฯ ด้วย นอกจากนี้ ในช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา เกาหลีเหนือยังได้พยายามปล่อยดาวเทียมอวกาศสอดแนมจำนวน 2 ดวง แต่ไม่ประสบผลสำเร็จ
ในขณะเดียวกัน ทางการสหรัฐฯ กล่าวเมื่อวันพุธว่า เกาหลีเหนือกำลังเจรจา "เชิงรุก" กับรัสเซีย เกี่ยวกับข้อตกลงด้านอาวุธที่อาจเกิดขึ้น ทั้งนี้ เมื่อเดือนที่แล้ว เซอร์เก ชอยกู รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมรัสเซีย ได้เดินทางเยือนกรุงเปียงยาง ซึ่งชอยกูได้รับเชิญให้เข้าเยี่ยมชมอาวุธของเกาหลีเหนืออย่างเปิดเผยในการเดินทางเยือนครั้งนั้น นอกจากนี้ สหรัฐฯ ยังระบุว่า ชอยกูได้ใช้การเดินทางในครั้งนี้ เพื่อพยายามโน้มน้าวให้เกาหลีเหนือขายอาวุธและกระสุนให้รัสเซีย
“หลังจากการเจรจาเหล่านี้ การอภิปรายในระดับสูงอาจดำเนินต่อไปในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า” จอห์น เคอร์บี โฆษกสภาความมั่นคงแห่งชาติของสหรัฐฯ กล่าวกับผู้สื่อข่าวเมื่อวันพุธ “ในตอนนี้ ในบรรดาข้อตกลงที่เป็นไปได้เหล่านี้ รัสเซียจะได้รับอาวุธในจำนวนมาก และเป็นอาวุธยุทโธปกรณ์หลายประเภทจาก (เกาหลีเหนือ) ซึ่งกองทัพรัสเซียวางแผนที่จะใช้ในยูเครน”
อย่างไรก็ดี รัฐบาลเกาหลีเหนือได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาดังกล่าวจากสหรัฐฯ พร้อมกล่าวย้ำในหลายครั้งว่า เกาหลีเหนือไม่ได้จัดส่งอาวุธไปยังรัสเซีย เพื่อสนับสนุนการรุกรานยูเครน
ที่มา: