นายภาสกร ประถมบุตร รองผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมเศรษฐกิจดิจิทัล (ดีป้า) กล่าวว่า การร่วมมือกับมาสเตอร์การ์ดในครั้งนี้ มีเป้าหมายหลักเพื่อผลักดันให้ 27 เมืองที่ส่งแผนโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะเข้าถึงฐานข้อมูลและวิธีการแก้ปัญหาจากเมืองอื่นๆ ทั่วโลก
ทั้งนี้นายภาสกร ย้ำว่า หน้าที่หลักของดีป้าคือการเป็นศูนย์กลางเชื่อมโยงระหว่างภาครัฐที่มี พลเอก ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีฝ่ายความมั่นคงนั่งเป็นประธานการพัฒนาสมาร์ทซิตีของไทย และฝั่งภาคเอกชนและมหาวิทยาลัย
โดยเป้าหมายหลักของดีป้า คือการผลักดันให้ประเทศไทยมีสมาร์ตซิตีครบ 100 เมือง ภายใน 2563 อย่างไรก็ตาม นายภาสกรชี้ว่า ปัจจุบันมีเมือง 27 แห่ง ที่ส่งแผนการพัฒนาเมืองเข้ามายังดีป้า แต่ 27 เมืองนี้ยังไม่ได้รับการรับรองให้เป็นเมืองอัจฉริยะอย่างเป็นทางการ
ด้านนายมิเกล กามิโน จูเนียร์ รองประธานกรรมการบริหารเมืองระดับสากล มาสเตอร์การ์ด ชี้ว่า ปัจจุบันพื้นที่ในเขตเมืองทั่วโลกมีทั้งปัญหาและโอกาสในการเติบโต ดังนั้นการเข้าถึงฐานข้อมูลขนาดใหญ่รวมทั้งตัวอย่างการแก้ปัญหาจากเมืองอื่นๆ ทั่วโลก จะมอบมุมมองและแนวคิดในการปรับเข้ามาใช้พัฒนากับพื้นที่ของตนเองได้ดียิ่งขึ้น
ขณะเดียวกัน นายมิเกล ยังพูดถึงโอกาสของธุรกิจเอกชนทั้งในระดับเล็กและระดับกลางที่อาจเข้าถึงความช่วยเหลือด้านการเงินจากมาสเตอร์การ์ดด้วย
ปัญหาเรื่องเงินทุนสนับสนุนเป็นสิ่งที่นายยู่สิน จินตภากร รองนายกเทศมนตรีนครยะลา ชี้เป็นประเด็นเช่นเดียว นายยู่สินชี้ว่า แม้ปัจจุบันนี้ฝั่งเทศบาลจะเตรียมการปรับปรุงเมืองรองรับการเป็นสมาร์ทซิตีเพิ่มขึ้น ทั้งการเพิ่มการเข้าถึงสัญญาณอินเทอร์เน็ตและการดูแลโครงสร้างพื้นฐานด้วยการนำสายไฟฟ้าและสายโทรศัพท์ลงดิน แต่ก็ยังต้องเผชิญความยากลำบากในการเชื้อเชิญให้คนรุ่นใหม่กลับไปทำธุรกิจภายในพื้นที่ ทั้งจากความกังวลเรื่องความสงบและผลประโยชน์ด้านการทำธุรกิจรวมถึงเงินสนับสนุนที่ไม่เพียงพอจากภาครัฐ
ขณะที่นายภาสกรชี้แจงว่า สิทธิประโยชน์ต่างๆ เมืองอัจฉริยะจะได้ต่อเมื่อได้รับการรับรองอย่างเป็นทางการแล้ว แต่ขณะที่อยู่ในกระบวนการการพัฒนาก็จะได้รับการสนับสนุนเรื่องข้อมูลจากดีป้าเท่านั้น