นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ยืนยันตัวเลขจากกรมโรงงานอุตสาหกรรม ปี 2567 รวมทั้งสิ้น 7 เดือนตั้งแต่ 1 มกราคมถึง 31 กรกฎาคม 2567 ทั้งจำนวนโรงงาน ตัวเลขเงินลงทุน และ ตัวเลขการจ้างงาน มีตัวเลขเป็นบวกทั้งสิ้น
ในปี 2567 ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2567 พบว่า มีโรงงานเลิกประกอบกิจการ จำนวน 667 โรง และมีโรงงานเปิดใหม่ แจ้งประกอบกิจการแล้ว จำนวน 1,260 โรง ซึ่งเมื่อหักลบโรงงานที่ปิดตัวลง ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ จากยอดโรงงานใหม่ พบว่ามีเงินลงทุนเพิ่มขึ้นถึง 167,691 ล้านบาท และในส่วนของการจ้างงาน ในปีนี้การจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,663 คน
โฆษกรัฐบาลกล่าว
“รัฐบาลขอยืนยันด้วยตัวเลขว่า จำนวนการเปิดโรงงานใหม่(รับใบอนุญาตและแจ้งประกอบแล้ว) มีจำนวนมากกว่าโรงงานเลิกประกอบกิจการ โดยจุดน่าสนใจที่อยากจะชี้ให้เห็น คือจำนวนเงินลงทุนใน 7 เดือนแรกของปีนี้ พบว่ามียอดการลงทุนถึงมากกว่า 180,000 ล้านบาท มากกว่าเงินลงทุนทั้งปีของบางปีในอดีต รัฐบาลจึงมั่นใจว่า ด้วยการผลักดัน สนับสนุนด้านเศรษฐกิจของ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ตัวเลขทางเศรษฐกิจของประเทศไทยจะเติบโตอย่างเหมาะสม ท่ามกลางความท้าทายที่ทั่วโลกเผชิญ”
ทั้งนี้ นายจุลพงษ์ ทวีศรี อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม เปิดเผยว่า สถิติการปิดโรงงาน (เลิกประกอบกิจการ) ในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เฉลี่ยปีละ 1,254 โรง ในขณะที่มีการเปิดโรงงานใหม่ (รับใบอนุญาตและแจ้งประกอบแล้ว) เฉลี่ยปีละ 2,360 โรง คิดเป็นอัตราส่วนเฉลี่ยร้อยละ 53 หากคิดรายปี พบว่า ตั้งแต่ปี 2562 ถึง 2566 อัตราส่วนการเลิกประกอบกิจการ เท่ากับร้อยละ 69 ร้อยละ 36 ร้อยละ 28 ร้อยละ 52 และร้อยละ 84 ตามลำดับ
ในปี 2567 ตั้งแต่ 1 มกราคม ถึง 31 กรกฎาคม 2567 พบว่า มีโรงงานเลิกประกอบกิจการ จำนวน 667 โรง และมีโรงงานเปิดใหม่ แจ้งประกอบกิจการแล้ว จำนวน 1,260 โรง คิดเป็นอัตราส่วนร้อยละ 54 ใกล้เคียงกับค่าเฉลี่ยในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา
เมื่อหักลบโรงงานที่ปิดตัวลง ใน 7 เดือนแรกของปีนี้ จากยอดโรงงานใหม่ มีเงินลงทุนเพิ่มขึ้น 167,691 ล้านบาท และมีการจ้างงานเพิ่มขึ้น 25,663 คน