เมื่อเวลา 19.25 น. ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแถลงนโยบายของคณะรัฐมนตรีต่อรัฐสภาเป็นวันที่สอง
นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายการกำจัดขยะมูลฝอย โดยตั้งคำถามว่า กทม.เป็นท้องถิ่นมีรูปแบบกำจัดขยะสร้างเตาเผาให้เอกชนมาดำเนินการกำจัดขยะมูลฝอย มีข้อสังสัยปรากฏผ่านสื่อมวลชนโดยเฉพาะการใช้งบฯ ที่มีความโปร่งใสคุ้มค่ากับผลประโยชน์หรือไม่
มีัรายงานว่า กทม.หาตัวผู้รับจ้างราคากลาง ราคา 900 บาทต่อตัน ถ้าดูท้องถิ่นอื่นที่มีการดำเนินการลักษณะเดียวกันกับกทม. อย่างเทศบาลนครศรีธรรมราช พบว่ามีการกำจัดขยะตั้งราคากลางสูงสุดไม่เกิน 613 บาทต่อตัน
ถ้า กทม.เซ็นต์สัญญาไปต่างกัน 217 บาท ทำให้ กทม. ต้องจ่ายเงินเพิ่มมากกว่า จ.นครศรีธรรมราช ทั้งนี้รัฐบาลหรือนายกฯ จะเข้าไปจัดการปัญหานี้อย่างไร โดยหาก กทม.จะสร้างเตาเผาขยะ 900 บาท ใน 20 ปี กทม. จะสูญเสียเงินไปกว่า 4,000 ล้านบาท ดังนั้นรัฐบาลจะมีวิธีการจัดการเรื่องนี้อย่างไร
ทั้งนี้มีเสียงลือว่าทายาทเสนาบดีได้วิ่งเพื่อหาคนกลางเกี่ยวข้องกับการทำโรงไฟฟ้าขยะ แล้วพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯ และรมว.กลาโหมจะแก้ปัญหาทุจริตคอร์รัปชันในภาคส่วนราชการและท้องถิ่นอย่างไร
พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย ชี้แจงว่า ในส่วนกระทรวงมหาดไทยกำกับกทม. ยืนยันต้องตรวจสอบและเอาหลักฐานให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ตนลงโทษได้แค่ผู้ว่าฯ กทม. แต่โทษอย่างอื่น สตง. ป.ป.ช. ต้องเป็นฝ่ายดำเนินการ
ทั้งนี้สร้างโรงกำจัดขยะอาจมีผลดีกว่าการฝังกลบที่จะมีปัญหาในอนาคต เนื่องจากสามารถผลิตไฟฟ้าขายได้ อย่างไรก็ตามการเปรียบเทียบราคาการก่อสร้างและกำจัดนั้นไม่เหมือนกันทั้งประเทศ เนื่องจากมีความแตกต่างกันตามพื้นที่
กรณีที่มีการกล่าวหาลูกชายตน ซึ่งเป็นนักธุรกิจ อาจมีผลประโยชน์กับทางภาครัฐนั้น ขอยืนยันว่า ได้บอกกับลูกชายไปแล้วว่า ถ้าเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับภาครัฐไม่ต้องทำ ลูกชายตนไม่มีเอี่ยวปมโรงไฟฟ้าขยะภูเก็ต ไม่เคยรู้จักและไม่เคยขอเข้าพบผู้ว่าฯ ภูเก็ต ไม่มีเที่ยวบิน ไม่มีภาพ เจ้าหน้าที่หน้าห้องก็ยืนยันได้ ตนได้ห้ามไปแล้ว ไม่ให้ไปทำธุรกิจกับภาครัฐ