เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่ 6 พ.ย. 2563 คณะก้าวหน้านำโดย ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า เยาวลักษณ์ วงษ์ประภารัตน์ กรรมการบริหารคณะก้าวหน้า เดินทางไปยังพื้นที่ จ.สมุทรสงคราม ร่วมรณรงค์การเลือกตั้งท้องถิ่นในระดับองค์การบริหารส่วน (อบจ.) ร่วมกับ อานุภาพ ลิขิตอำนวยชัย ผู้สมัครนายก อบจ.สมุทรสงคราม พร้อมเชิญชวนให้ประชาชนไปใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ. และ ส.อบจ.ในวันที่ 20 ธ.ค.นี้
ธนาธร กล่าวว่า ตนเชื่อว่า อานุภาพ มีศักยภาพและมีความสามารถในการบริหาร มีความเป็นผู้นำที่จะพัฒนา จ.สมุทรสงคราม ได้ และเราอยากจะสร้างการเมืองท้องถิ่นที่ปราศจากอิทธิพล ปราศจากธุรกิจการเมืองของบ้านใหญ่ การเมืองท้องถิ่นที่ไม่มีการทุจริตคอร์รัปชัน จะทำให้ประชาชนเห็น หากเราได้รับความไว้วางใจได้รับโอกาสจากพี่น้องประชาชน
เมื่อถามถึงกรณีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีกฎระเบียบห้ามไม่ให้นักการเมืองกดไลก์ กดแชร์ช่วยในการหาเสียง ธนาธร ระบุว่า ตราบใดที่ไม่มีการเอางบประมาณหรือทรัพยากรของรัฐมาใช้ การสนับสนุนคนใดคนหนึ่งเป็นเรื่องสิทธิของคนทุกคน ตนคิดว่ากฎตรงนี้เป็นการละเมิดสิทธิของประชาชนมากเกินไป กกต. มีหน้าที่จัดการเลือกตั้งที่โปร่งใสสำหรับทุกฝ่าย แต่สิ่งที่เกิดขึ้นในรอบหลายปีที่ผ่านมาทำให้ประชาชนสงสัยกับการทำงานของ กกต. ประชาชนสงสัยว่าทำไมถึงมีบัตรเขย่งในการเลือกตั้ง 24 มี.ค. 2562 ประชาชนสงสัยว่า กกต.ใช้สูตรเลือกตั้งอะไรในการคำนวณ ส.ส.ปาร์ตี้ลิสต์ และ กกต.ชุดนี้มาจากการแต่งตั้งของ คสช. ซึ่งไม่ว่าจะทำอะไรก็ไม่เคยแคร์ประชาชน นี่คือรูปธรรมขององค์กรที่ไม่ยึดโยงกับประชาชน
"สุดท้ายผมเชื่อว่าถ้าการเมืองดี จังหวัดแต่ละจังหวัด ท้องถิ่นแต่ละท้องถิ่นพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้ พวกเราจะตั้งใจทำและจะทำให้ประชาชนเห็นว่า การเมือง ประชาธิปไตย และคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนนั้นเป็นเรื่องเดียวกัน” ธนาธร กล่าว
ด้าน อานุภาพ กล่าวว่า ตนมีนโยบายที่ดีที่พร้อมจะพัฒนา จ.สมุทรสงคราม อาทิ โครงการด้านน้ำ เราต้องการที่จะฟื้นฟูพื้นที่อาคารผลิตน้ำประปาผิวดิน ไปจนถึงโครงการระบบวัดน้ำอัจฉริยะ ที่จะปรับสภาพคลองให้มีความใสมากยิ่งขึ้น นอกจากนี้ สิ่งที่ต้องทำควบคู่กันไปนั่นก็คือการลดวิกฤติมลภาวะขยะ ส่วนด้านเศรษฐกิจกิจเราจะกระตุ้นธุรกิจขนาดเอสเอ็มอี ผลักดันการท่องเที่ยวแบบ One day trip ปรับสภาพเส้นทางสัญจนทางน้ำ เพื่อเปลี่ยนเรือประมงให้เป็นเรือท่องเที่ยว ส่งเสริมแหล่งท่องเที่ยวเพื่อเรียนรู้วิถีชีวิตชุมชน ส่งเสริมเกษตรกรชาวสวนมะพร้าว ส้มโอ และอื่นๆ ส่งเสริมตลาดปลาแม่กลองเพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ และสุดท้ายส่งเสริมทักษะด้านภาษา ดนตรี และกีฬาให้แก่เยาวชน
"ผมมีความมุ่งมั่นตั้งใจและพร้อมอาสารับใช้ประชาชนชาว จ.สมุทรสงคราม และจะใช้งบประมาณของ อบจ. ซึ่งมาจากภาษีของประชาชนให้มีประสิทธิภาพมากที่สุด ผมมั่นใจว่าเรามีนโยบายที่ดี ที่พร้อมตอบสนองประชาชนทุกสาขาอาชีพ วันนี้ผมขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนชาวสมุทรสงคราม ผมจะตั้งใจทำงานอย่างเต็มที่ และจะไม่ทำให้ประชาชนชาวสมุทรสงครามผิดหวังอย่างแน่นอน" อานุภาพ กล่าว
'ปิยบุตร'หาเสียง จ.สกลนคร สานต่อ 'อนาคตใหม่' กระจายอำนาจท้องถิ่น
ที่จังหวัดสกลนคร ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ได้มีการเปิดเวทีปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) โดย ณรงเดช อุฬารกุล ผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นนายก อบจ.สกลนคร หมายเลข 3 จากคณะก้าวหน้า และทีมผู้สมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภา อบจ. ทั้ง 36 เขต ทั้งนี้มี ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้า ร่วมเดินหาเสียงที่ตลาด ต.การค้า และตลาดเช้าสกลนคร
ด้าน ณรงเดช พร้อมด้วยผู้สมัคร ส.อบจ.ทั้ง 36 เขต ขึ้นปราศรัยแสดงวิสัยทัศน์ โดยระบุว่า เมื่อครั้งที่ตนสมัครมาเป็นผู้สมัครนายก อบจ.ในนามของคณะก้าวหน้า ถูกถามถึงวิสัยทัศน์และนโยบาย เป็นครั้งแรกที่การสมัคร นายก อบจ.ต้องกลับไปทำการบ้านเรื่องนโยบายมาอย่างหนัก นี่ทำให้ตนได้กลับมาตั้งคำถามว่า เหตุใดจังหวัดสกลนครที่ใหญ่โต มีประชากรถึง 1.15 ล้านคน แต่ไม่พัฒนาเหมือนที่อื่น จนได้มาดูข้อมูล ทำให้พบว่าแทบทุกบ้านส่งลูกหลานไปเรียนที่อื่น เพราะการศึกษาของสกลนครไม่ดีพอ ที่ผ่านมาก็มีการปิดโรงเรียนขนาดเล็กหลายโรงเรียน ทำให้ต้องไปเรียนในเมือง หรือไปเรียนที่จังหวัดอื่น เมื่อจบออกมาก็ไม่มีตำแหน่งงานที่เงินเดือนสูงให้ทำ ต้องย้ายไปหางานที่อื่นทำ
ณรงเดช กล่าวอีกว่า งบประมาณของ อบจ.สกลนคร ปีละ 900 ล้านบาท ถ้าตัดงบประมาณฝากจ่ายจากส่วนกลางออกไป จะมีไม่น้อยกว่า 350 ล้านบาทที่จะนำมาบริหารได้ สกลนครมี 125 ตำบล ถ้าตนได้เป็นนายก อบจ. จะให้ประชาคมทุกตำบลไปร่วมกันคิดออกแบบนโยบายมา วันนี้ถ้าอยากกระจายอำนาจต้องกระจายงบประมาณด้วย ไม่ใช่พัฒนาแค่เขตอำเภอเมือง ไม่ใช่พัฒนาแค่เขตอำเภอใหญ่ๆ มันต้องพัฒนาทุกตำบลอย่างเท่าเทียมกัน คนทุกพื้นที่ในจังหวัดสกลนครต้องมีสิทธิมีเสียงเท่าเทียมกัน ประชาธิปไตยจึงเป็นหัวใจสำคัญของการพัฒนา
ต่อมา ปิยบุตร ขึ้นปราศรัยว่า เป็นครั้งแรกในรอบ 1 ปี 9 เดือน ที่ตนได้กลับมาปราศรัยหาเสียงอีกครั้งที่ จ.สกลนคร ตั้งแต่สมัยที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ การส่งคนชิงตำแหน่งนายก อบจ.ในนามคณะก้าวหน้าวันนี้เกิดขึ้นมาได้ ต้องย้อนความกลับไปถึงพรรคอนาคตใหม่ ซึ่งมีหนึ่งในนโยบายธงคือการกระจายอำนาจ ยุติรัฐราชการรวมศูนย์ เอาอำนาจคืนกลับมาให้ท้องถิ่น
"เมื่อตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ 7 คนมีคำวินิจฉัยยุบพรรคอนาคตใหม่ไป พร้อมตัดสิทธิกรรมการบริหารพรรค 10 ปี หลายคนเสียใจและเสียดายโอกาสรวมถึงคะแนนที่กาให้เรา แต่ถ้าเราหยุดเพียง เพราะเขายุบพรรคและตัดสิทธิ นั่นแปลว่าเรายอมแพ้และจะแพ้เขาไปตลอดกาล เราจึงเงยหน้าขึ้นมาใหม่ ยืนตัวตรงขึ้นมาใหม่ ก่อตั้งเป็นคณะก้าวหน้าขึ้นมา และคณะก้าวหน้าจะรับภารกิจของพรรคอนาคใหม่เดิมในการส่งผู้สมัครรับเลือกตั้งท้องถิ่นทั้งหมดทุกระดับ โดยรอบนี้เราจะเริ่มต้นก่อนที่จะรับ อบจ. เราส่ง 41 จังหวัด จากทั้งหมด 76 จังหวัด" ปิยบุตร ระบุ
ปิยบุตร กล่าวถึงการทำงานว่า 1.จะแข่งขันในสนามเลือกตั้งโดยอาศัยนโยบาย ข้อมูล เราจะไม่แข่งกันที่อิทธิพล หรือวงศ์วานว่านเครือของใคร 2. ทำให้เป็นการเมืองของคนสกลนครทุกคน เข้ามามีส่วนร่วมได้หมด ใครอยากเป็นผู้สมัครในนามคณะก้าวหน้า ไม่ต้องเป็นเครือข่ายอิทธิพลใหญ่โต ขอเพียงมีอุดมการณ์แบบเดียวกัน ต้องการเปลี่ยนจังหวัดให้ดีขึ้น มีวิสัยทัศน์พัฒนาบ้านเกิด ต่อต้านเผด็จการไปกับเรา ผู้สมัครของเราจึงเป็นคนธรรมดาที่เจอกันได้ทุกวัน
3.ต่อสู้โดยไม่ซื้อสิทธิขายเสียง เราพิสูจน์มาแล้วในวันที่เป็นพรรคอนาคตใหม่ เราไม่ใช้เครือข่ายอิทธิพลและกลไกรัฐ เราได้มา 6.3 ล้านคะแนน เป็นการเขย่าการเมืองไทยในระดับชาติ
ปลุกใช้สิทธิเลือกตั้งท้องถิ่น แสดงพลังค้าน 'ประยุทธ์'
ปิยบุตร กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งวันที่ 20 ธ.ค. นี้ ถ้าพี่น้องเห็นความสำคัญของการเมืองท้องถิ่นครั้งนี้ เราต้องช่วยกันออกมาใช้สิทธิเลือกตั้งนายก อบจ.และ ส.อบจ.ให้มากที่สุด เพราะมีความสำคัญอยู่ 3 ประการ
1.การเลือกตั้งที่เราจะสามารถกำหนดชีวิตของเราใหม่ได้ ถ้าเลือกแบบเดิมเราก็จะได้แบบเดิม ถ้าเลือกแบบใหม่เราก็จะได้ทีมบริหารในสกลนครในแบบใหม่
2. ถ้าได้ทีมบริหารที่จะมาทำการเมืองแบบใหม่ให้สกลนคร จะส่งผลต่อการกระจายอำนาจในระดับประเทศ
3.การเลือกตั้งท้องถิ่นแม้จะเลือกกันในจังหวัด แต่ก็สะท้อนถึงการเมืองระดับชาติด้วย การเลือกตั้งทุกระดับคือสามารถเป็นพลังในการแสดงออกว่าเราพอใจหรือไม่พอใจกับการบริหารประเทศในปัจจุบัน คณะก้าวหน้ามีจุดยืนไม่เห็นด้วยกับรัฐบาล และเรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวง (รมว.) กลาโหมต้องลาออก
"ถ้าวันที่ 20 ธ.ค. ประชาชนออกมาเลือกผู้สมัครของคณะก้าวหน้าให้ถล่มทลาย นั่นจะเป็นสัญญาณส่งไปที่รัฐบาล ว่าคนสกลนครสนับสนุนคณะก้าวหน้า ไม่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์และ คสช.ได้ด้วยเช่นกัน" ปิยบุตร ระบุ