ไม่พบผลการค้นหา
รองผู้ว่าฯ ลงพื้นที่ลาดพร้าวตรวจจุดจับ-ปรับผู้ขับขี่ ฝ่าฝืนบนทางเท้า หลังพบผู้กระทำผิด เดือน ก.ค. 20,659 ราย เพิ่มโทษปรับ 2,000 บาท

นายสกลธี ภัททิยกุล รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมจุดจับ-ปรับผู้ขับขี่ หรือจอดรถจักรยานยนต์บนทางเท้า โดยมี ผู้บริหารสำนักเทศกิจ ผู้บริหารเขตวังทองหลาง เขตบางกะปิ เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.ในพื้นที่ และผู้เกี่ยวข้อง ร่วมการตรวจเยี่ยม ณ จุดจับ-ปรับฯ บริเวณปากซอยลาดพร้าว 79 ถ.ลาดพร้าว สำนักงานเขตวังทองหลาง จากนั้นรองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และคณะ เดินทางไปยังสำนักงานเขตวังทองหลาง เพื่อตรวจเยี่ยมการปฏิบัติการสืบค้นหาข้อมูลเจ้าของผู้ครอบครองรถที่ฝ้าฝืนขับขี่หรือจอดรถบนทางเท้าของฝ่ายเทศกิจ ตาม MOU กับกรมการขนส่งทางบก

รองผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร กล่าวว่า ที่ผ่านมากรุงเทพมหานครกำหนดอัตราโทษการจับปรับผู้กระทำผิดกรณีการจอดรถหรือขับขี่รถจักรยานยนต์บนทางเท้า จำนวน 1,000 บาท ซึ่งถือว่าเป็นโทษที่ค่อนข้างสูง แต่ยังมีผู้ฝ่าฝืนกระทำผิดขับขี่จักรยานยนต์บนทางเท้าอีกจำนวนไม่น้อย กรุงเทพมหานครจึงมีนโยบายที่จะเพิ่มโทษปรับผู้ขับขี่จักรยานยนต์บนทางเท้าเป็น 2,000 บาท โดยจะเริ่มจับปรับในอัตราใหม่ตั้งแต่วันที่ 1 ส.ค. 62 เป็นต้นไป โดยเมื่อช่วงประมาณ 1- 2 สัปดาห์ที่ผ่านมาได้ให้เจ้าหน้าที่ฝ่ายเทศกิจทุกสำนักงานเขตกวดขันจับ-ปรับผู้กระทำความผิด และให้ประชาสัมพันธ์แจ้งเตือนอัตราโทษจับปรับใหม่ให้ผู้กระทำผิดทราบด้วย 

นอกจากนี้ในการประชุมผู้บริหารกรุงเทพมหานคร ผู้บริหารสำนักเทศกิจและหัวหน้าฝ่ายเทศกิจทุกสำนักงานเขตเมื่อเดือนที่ผ่านมา ได้มอบหมายสำนักเทศกิจประสานงานกับสำนักยุทธศาสตร์และประเมินผล จัดทำแอปพลิเคชันสำหรับตรวจสอบประวัติผู้กระทำความผิดหากพบว่าเป็นผู้กระทำผิดซ้ำซากให้ดำเนินการลงโทษสูงสุดโดยไม่ให้มีการลดหย่อนอย่างเด็ดขาด ทั้งนี้สำหรับการจับปรับผู้กระทำผิดกรณีการขับขี่บนทางเท้าระหว่างวันที่ 9 ก.ค. 61 – 21 ก.ค. 62 ที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่เทศกิจรวมทุกเขตจับกุมผู้กระทำผิด ได้ จำนวน 20,659 ราย ว่ากล่าวตักเตือน 4,197 ราย ดำเนินคดี 14,678 ราย อยู่ระหว่างดำเนินคดี 1,784 ราย ปรับเป็นเงิน 11,179,500 บาท

สำหรับกรณีที่กรุงเทพมหานครได้ให้ประชาชนมีส่วนร่วมในการแจ้งเบาะแสผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิด โดยจัดส่งภาพถ่ายแสดงป้ายทะเบียนรถยนต์หรือรถจักรยานยนต์มายังกรุงเทพมหานคร ที่ผ่านมาให้กรุงเทพมหานครประสานขอข้อมูลผู้ครอบครองรถไปยังกรมการขนส่งทางบกเพื่อดำเนินคดีเปรียบเทียบปรับ ซึ่งได้รับความร่วมมือจากกรมการขนส่งทางบกด้วยดีเสมอมา อย่างไรก็ดีเพื่อลดภาระงานของกรมการขนส่งทางบกในการตรวจสอบข้อมูลผู้ครอบครองรถ และเพื่อให้กรุงเทพมหานครสามารถดำเนินคดีกับผู้ฝ่าฝืนกระทำความผิดได้ทันภายในระยะเวลาอายุความ 1 ปี กรุงเทพมหานครได้จัดทำบันทึกข้อตกลงร่วมกับกรมการขนส่งทางบกเมื่อวันที่ 30 เม.ย. 62

เพื่อเชื่อมโยงฐานข้อมูลทะเบียนรถกับกรมการขนส่งทางบก ซึ่งจะทำให้กรุงเทพมหานครสามารถใช้ระบบฐานข้อมูลเพื่อทราบผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถที่กระทำการฝ่าฝืนขับขี่หรือจอดรถบนทางเท้าได้ทันที และสามารถดำเนินการตามอำนาจหน้าที่โดยมีหนังสือเชิญผู้เป็นเจ้าของหรือผู้ครอบครองรถมาให้ถ้อยคำและดำเนินการเปรียบเทียบปรับ ทั้งนี้หากบุคคลดังกล่าวไม่มาพบภายในเวลาที่กำหนด กรุงเทพมหานครจะดำเนินการส่งพนักงานสอบสวนเพื่อดำเนินคดีตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป