ไม่พบผลการค้นหา
สมาคมนักข่าวฯ เปิดรายงานสถานการณ์สื่อมวลชนปี 2562 ระบุ เป็นปีแห่งการ "ทรุดหนัก ฝ่ามรสุม สู่โอกาสใหม่" สื่อหลายสำนักต้องปรับตัวเพื่อให้อยู่รอดอย่างยั่งยืนในยุคดิจิทัล พร้อมเกาะติดกฎหมายที่ส่งผลต่อสิทธิและเสรีภาพในการแสดงออกไปด้วย

30 ธ.ค.2562 สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย เผยแพร่รายงานสถานการณ์สื่อมวลชนประจำปี 2562 โดยระบุว่า พ.ศ. 2562 เป็นปีแห่งการ "ทรุดหนัก ฝ่ามรสุม สู่โอกาสใหม่" ของสื่อมวลชนในประเทศไทย เพราะเทคโนโลยีได้เข้ามามีบทบาทสำคัญ ทำให้ข่าวสารมีปริมาณมากและนำเสนอฉับไว ผู้บริโภคเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม มุ่งหน้าเสพข่าวสารผ่านออนไลน์มากขึ้น

อุตสาหกรรมสื่อตกอยู่ในสภาพย่ำแย่อย่างต่อเนื่องติดต่อกันหลายปี สื่อทุกแขนงเร่งปรับตัวขนานใหญ่ โดยยึดหลักระหว่างปัจจัยทางเศรษฐกิจกับมาตรฐานคุณภาพ เรียกความน่าเชื่อถือของวิชาชีพกลับมาอย่างยั่งยืน แม้กฎหมายพิเศษของคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ที่กระทบต่อสิทธิและเสรีภาพของสื่อยกเลิก มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 และได้รัฐบาลจากการเลือกตั้งครั้งแรกในรอบ 5 ปี แต่การแทรกแซงมีความซับซ้อนขึ้น ดังนั้นสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศได้จึงสรุปสถานการณ์สื่อ 2 กรณี ดังนี้

1.เกาะติดกฎหมายกระทบเสรีภาพ

รัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 รองรับสิทธิในการแสดงความคิดเห็น การพูด การพิมพ์ไว้ในมาตรา 34 และมาตรา 35 บัญญัติให้บุคคลซึ่งประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน ย่อมมีเสรีภาพในการเสนอข่าวสาร หรือการแสดงความคิดเห็นตามจริยธรรม แห่งวิชาชีพ พร้อมได้รัฐบาลมาจากการเลือกตั้ง และยกเลิกคำสั่งหัวหน้า คสช.ที่เกี่ยวข้องกับเสรีภาพของสื่อมวลชน ประเทศไทยเข้าสู่บรรยากาศแห่งการฟื้นฟูประชาธิปไตย หลังมีการเลือกตั้งใหญ่เมื่อวันที่ 24 มี.ค. 2562 มีการแทรกแซงสื่อได้พลิกแพลงมากขึ้น 

จากเดิมมีการกดดันโดยโทรศัพท์ไปถึงผู้บริหารสื่อแขนงนั้นที่เสนอข่าวกระทบต่อผู้มีอำนาจ และได้เพิ่มช่องทางโทรศัพท์หรือประสานไปที่นักข่าวภาคสนามโดยตรง ท่ามกลางมีข่าวปลอมระบาด โดยเฉพาะในช่วงระหว่างมีการเลือกตั้ง องค์กรวิชาชีพสื่อ ประกอบด้วยสภาการหนังสือพิมพ์แห่งชาติ สภาวิชาชีพข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย ได้ร่วมกันขอให้สื่อมวลชนทุกแขนงต้องใช้เสรีภาพบนความร่วมผิดชอบร่วมสกัดกั้นข่าวปลอม โดยคำนึงถึงมาตรฐานวิชาชีพที่ บัญญัติไว้ในข้อบังคับจริยธรรมของสภาวิชาชีพ 

โดยสื่อมวลชนต้องทำหน้าที่เป็นผู้ตรวจสอบ กลั่นกรองข้อมูล ข่าวลือ ข่าวลวง ข่าวปลอม ก่อนนำเสนอ ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ในระดับสากล หลังได้รัฐบาลใหม่ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ได้จัดตั้งศูนย์ตรวจสอบข่าวปลอม บนความหวาดระแวงของประชาชนและองค์กรสื่อ ที่ใช้เป็นเครื่องมือทางการเมือง ละเมิดสิทธิ เสรีภาพของประชาชน

นอกจากนี้ยังต้องเกาะติดการใช้อำนาจของเจ้าหน้าที่ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการรักษาความมั่นคงปลอดภัยไซเบอร์แห่งชาติ พ.ศ. 2562 และพ.ร.บ.คุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล พ.ศ. 2562 มีหลายประเด็นที่อาจจะกระทบต่อสิทธิเสรีภาพการแสดงความคิดเห็นของประชาชนและสื่อมวลชนตามจริยธรรมแห่งวิชาชีพ ขณะที่ร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการ กฤษฏีกาคณะพิเศษไปแล้ว รอเข้าคณะรัฐมนตรี ก่อนส่งต่อให้สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพื่อประกาศบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป โดยองค์กรสื่อยืนยันหลักการในการกำกับดูแลกันเอง อันเป็นหลักสากลที่นานาประเทศใช้กำกับดูแลเรื่องจริยธรรม ไม่มีตัวแทน ฝ่ายรัฐเข้ามาเกี่ยวข้อง

2.ธุรกิจสื่อเจอศึกหนักยิ่งทรุดฮวบ-เร่งปรับโมเดลธุรกิจสู่โอกาสใหม่

คลื่นสึนามิดิจิทัลดิสรัปชั่น กระหน่ำธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์ วิทยุ ทีวีดิจิทัล เป็นระลอก สำนักงานคณะกรรมการ กสทช. จ่ายค่าชดเชยและยุติการออกอากาศ 7 ช่องทีวีดิจิทัล ประกอบด้วย ช่อง 26 บริษัทสปริง 26 จำกัด ช่อง 19 บริษัทสปริงนิวส์ เทเลวิชั่น จำกัด ช่อง 20 บริษัทไบรท์ ทีวี จำกัด ช่อง 21 บริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ช่อง 14 บริษัท อสมท จำกัด(มหาชน) ช่อง 28 บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัดและช่อง 13 บริษัท บีอีซี มัลติมีเดีย จำกัด ที่เหลืออีก 15 ช่องต้องแข่งขันปั๊มเรตติ้ง เพื่อชิงงบโฆษณา

ขณะเดียวกันหนังสือพิมพ์เป็นสื่อที่ถูกพิษดิจิทัลดิสรัปชันหนักที่สุด โดยผู้บริโภคเปลี่ยนพฤติกรรมไปออนไลน์แทน ใน ที่สุดหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่หัวเขียว "ไทยรัฐ" เปิดโครงการลาออกด้วยความสมัครใจอีกครั้งในช่วงต้นปี รวมถึงหนังสือพิมพ์ ภาษาอังกฤษ THE NATION หนังสือพิมพ์ "M2F" แท็บลอยด์จากฟรี หนังสือพิมพ์ "โพสต์ทูเดย์" ยุติการตีพิมพ์บนหน้าหนังสือพิมพ์ นำเสนอเนื้อหาเข้าสู่เว็บไซต์เต็มตัว พร้อมเลิกจ้างพนักงานบางส่วน หนังสือพิมพ์ "สยามกีฬา" ควบรวมหนังสือพิมพ์และนิตยสารในค่ายสยามสปอร์ต ไว้ในฉบับฟุตบอลสยาม มวยสยามและสยามดารา โดยนำเนื้อหาบางส่วนของ ฟุตบอลสยามและมวยสยามนำเสนอผ่านเว็บไซต์ หนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ภาคเหนือไทยนิวส์ทิ้งท้ายเดือน ธ.ค. 2562 ลดจำนวน หน้าจาก 16 หน้า เหลือ 12 หน้า

ท้ายสุดในยุคดิจิทัลดิสรัปชั่นสื่อมวลชนแขนงต่างๆ โดยเฉพาะผู้ประกอบการ กองบรรณาธิการ นักข่าว ต่างเร่ง ปรับตัวในช่วงวิกฤติให้เป็นความท้าทาย โดยเชื่อมโยงทุกแพลตฟอร์มสู่กลุ่มเป้าหมาย พันธมิตรทางธุรกิจ สู่โมเดลธุรกิจสื่อใหม่ เพื่อความอยู่รอดอย่างยั่งยืน