ไม่พบผลการค้นหา
AP ตรวจสอบข้อเท็จจริงหลัง ปธน.ทรัมป์ ประกาศว่าอากาศและน้ำของสหรัฐฯบริสุทธิ์ที่สุดในรอบ 40 ปี พบว่าไม่มีหลักฐานรองรับ และเป็นข้อมูลที่ไม่เป็นความจริง

สำนักข่าว AP รายงานการขึ้นกล่าวสุนทรพจน์บนเวทีการประชุมระดับโลก World Economic Forum ที่เมืองดาวอสของสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นระหว่างวันที่ 21-24 ม.ค. โดยทรัมป์ย้ำว่าตนประสบความสำเร็จมากมายในหลายกรณี ไม่ว่าจะเป็นความสำเร็จด้านเศรษฐกิจ หรือการเอาชนะวิกฤติการณ์ด้านการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศโลก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าหลายสิ่งที่ทรัมป์พูดคือเรื่องโกหก

ประเด็นของสิ่งแวดล้อมซึ่งทำให้หลายคนต้องประหลาดใจ คือการที่นายทรัมป์ประกาศว่า เขามีความ 'ภาคภูมิใจอย่างยิ่ง' ที่ สหรัฐฯสามารถก้าวขึ้นมาเป็นหนึ่งในประเทศที่มีอากาศและน้ำดื่มที่บริสุทธิ์ที่สุด ซึ่งเขาต้องการคงสถานะนั้นไว้ต่อไป พร้อมย้ำ รายงานฉบับล่าสุดชี้ว่า ขณะนี้ทั้งน้ำและอากาศของสหรัฐฯ 'สะอาดที่สุดในรอบ 40 ปี' 

AFP - โดนัลด์ ทรัมป์

AP อธิบายว่า สิ่งที่ทรัมป์พูดคือเรื่องโกหก

สำนักข่าว AP ทำการตรวจสอบข้อเท็จจริงแล้วพบว่า คุณภาพอากาศของสหรัฐฯ 'เลวร้ายลงตั้งแต่ทรัมป์ขึ้นมาดำรงตำแหน่งผู่นำ' และก็เป็นการกล่าวเกินจริงที่อ้างว่าสหรัฐฯ คือหนึ่งในประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์ที่สุด เพราะจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายสิบประเทศที่คุณภาพอากาศนั้นดีกว่าสหรัฐฯ

คุณภาพอากาศในสหรัฐฯ และอีกหลายประเทศนั้นดีกว่าอดีตจริง หากเปรียบเทียบกับช่วงหลายทศวรรษก่อนหน้านี้ซึ่งเป็นยุคอุตสาหกรรมที่มีการใช้พลังงานถ่านหินและการเผาผลาญน้ำมันเชื้อเพลิงอย่างเต็มรูปแบบ และยังไม่มีการประกาศกฎระเบียบนานาชาติว่าด้วยการปกป้องสิ่งแวดล้อมของโลกยุคใหม่ อย่างไรก็ตาม จากหลักฐานที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบัน คุณภาพอากาศถูกทำลายลงอย่างเห็นได้ชัดในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา

ทั้งนี้ หน่วยงานด้านการป้องกันสิ่งแวดล้อมของสหรัฐฯ (Environmental Protection Agency) ปฏิเสธที่จะยืนยันว่า 'รายงาน' ฉบับที่นายทรัมป์อ้างอิงข้อมูลถึงในการประกาศที่ดาวอสนั้นคือรายงานฉบับไหนกันแน่ แต่จากฐานข้อมูลพบว่า ระหว่างปี 2017-2018 มีจำนวนวันที่อากาศแย่มากกว่าช่วงปี 2013-2016 ถึง 15 เปอร์เซ็นต์ 

ขณะที่งานวิจัยล่าสุดจาก Carnegie Mellon University ชี้ว่า ปริมาณฝุ่นพิษขนาดเล็กที่มีอันตรายต่อชีวิตเพิ่มขึ้น 5.5 เปอร์เซ็นต์ในสหรัฐฯระหว่างปี 2016-2018 ทั้งๆที่ ยุคสมัยของอดีตประธานาธิบดีบารัก โอบามาช่วงปี 2009-2016 ปริมาณฝุ่นดังกล่าวในสหรัฐฯลดลงไป 24.2 เปอร์เซ็นต์ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่สหรัฐฯ มีวันที่อากาศแย่น้อยที่สุดในประวัติศาสตร์