ไม่พบผลการค้นหา
ประธานกรรมการ บริษัท เจ เอส แอล โกลบอล มีเดีย จำกัด แจงย้ายรายการ "กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง" และ "กิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน" จาก ช่อง 7 ไป ช่อง PPTVHD36 เพราะวิกฤติวงการทีวี บวกกับค่าเช่าเวลาที่แพง จึงต้องปรับตัวลดภาระค่าใช้จ่ายเพื่อการอยู่รอด

นางจำนรรค์ ศิริตัน หนุนภักดี ประธานกรรมการบริษัท เจ เอส แอล โกลบอลมีเดีย จำกัด ตั้งโต๊ะแถลงข่าว หลังตัดสินใจย้าย 2 รายการ ที่อยู่เคียงคู่ช่อง 7 สี อย่างรายการ "กิ๊กดู๋สงครามเพลงเงาเสียง" และ "กิ๊กดู๋ ซุปตาร์เงินล้าน" ที่ผลิตโดยบริษัทเจเอสแอล จำกัด ไปช่อง PPTVHD36

นางจำนรรค์ ระบุว่า ไม่ได้ต้องการขุดคุ้ยหรือกล่าวหาว่าใครถูกใครผิด เพียงแต่อยากจะออกมาตอบคำถามที่สังคมเปิดประเด็นไว้ว่า เหตุใดจึงมีการยกเลิกรายการอย่างกะทันหัน และออกจากช่อง 7 

ที่ผ่านมาเจเอสแอล และช่อง 7 ทำงานร่วมกันในฐานะผู้ผลิตรายการและสถานีโทรทัศน์มายาวนานถึง 32 ปี เป็นคู่ค้าที่ดีต่อกันเสมอ โดยใช้การเช่าเวลา เริ่มจากรายการ วิก 07 และจากวิกฤติวงการโทรทัศน์ เพราะสื่อออนไลน์เพิ่มขึ้น ส่งผลให้กำไรค่าโฆษณาลดลง ทางเจเอสแอล พยายามผลิตผลงาน ทำหน้าที่ผู้จัดสุดความสามารถ ทำให้ทุกรายการได้รับความนิยม แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถอยู่ช่อง 7 สีต่อไปได้

"ค่าโฆษณาลดลง ยังต้องขายโฆษณาแข่งกับสถานี สถานีขายเป็นแพ็กเกจใหญ่ เราเป็นผู้จัดรายเล็กๆ ก็ขายสู้ไม่ได้ เงินหายาก เราได้ทำหนังสือขอลดค่าเช่าเวลา ในปี 2559 เรายื่นขอลด 50 เปอร์เซ็นต์ ทางสถานีได้ลดมาให้ตามความสมควรที่ให้ได้"

แก้วิกฤติระยะแรก ด้วยการขอลดค่าเช่าเวลา

“หนังสือฉบับแรกของเราทำไปเมื่อวันที่ 26 สิงหาคม พ.ศ.2559 เรื่องการขอลดค่าเช่าเวลา เกณฑ์ที่ขอไปคือ 50% ซึ่งสถานีก็ผ่อนผันให้ แต่ลดให้ไม่ถึงตามที่ขอไป ตรงนี้ก็ทำให้เห็นว่า เริ่มมีความเดือดร้อนของผู้จัด จากนั้นวันที่ 27 ตุลาคม พ.ศ.2560 เจเอสแอลทำหนังสือขอคืนเวลารายการจันทร์พันดาว อันนี้เห็นแล้วว่าสถานการณ์มันหนัก คือถ้าเราอยู่กับสถานีที่เป็นอันดับหนึ่งของประเทศ ค่าโฆษณาแพงที่สุด แต่ทำไมยังต้องคืนเวลา ตรงนี้เป็นสถานที่ต้องตระหนักแล้วว่าผู้จัดให้เกิดความเดือดร้อนจริงๆ นอกจากจะขอคืนเวลายังขอลดค่าเวลาไปด้วย

ต่อมาเมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 เจเอสแอลทำหนังสือขอลดค่าเวลา ขอยกเลิกแบงก์การันตี ขอให้พิจารณาจ้างบริษัทผลิตรายการ และก็ไม่ให้ช่องขายโฆษณาแข่งกับผู้จัด ข้อเรียกร้องดังกล่าวเป็นหนังสือจากผู้จัด 5 บริษัท ไม่ใช่แค่ เจเอสแอล บริษัทเดียว"

บิ๊กบอสเจเอสแอล กล่าวต่อว่า บริษัทรอผลตอบรับว่าจะเป็นอย่างไร โดยเรื่องที่เห็นได้ชัดที่ตอบกลับมาคือการผ่อนคลายเรื่องการเซ็นเซอร์โฆษณา นอกนั้นก็ยังไม่มีการตอบกลับมาว่าเขาจะช่วยเหลือเราได้อย่างไร

เวลานั้น บริษัทของคุณดู๋ (สัญญา คุณากร) รายการที่นี่หมอชิต เลือกที่จะปิดบริษัทไปเลยเพราะไม่สามารถต่อสู้กับค่าใช้จ่ายที่สวนทางกับรายได้ที่ลดลง ต่อมาบริษัทของคุณกิ๊ก (เกียรติ กิจเจริญ) ก็ปิดไปอีกเช่นกัน เมื่อไม่กี่เดือนที่ผ่านมา

"เราอยู่ในวงการจะรู้ว่ามีคนที่ล้มหายตายจาก จากการเป็นผู้จัดไปเยอะแยะมากมาย เพราะโมเดลทางธุรกิจมันเปลี่ยนไป ถามว่าเจเอสแอลปฏิบัติตามกฎกติกาหรือไม่ ขอยืนยันว่าเราได้ปฏิบัติตามกฎกติกา ที่ทางสถานีได้กำหนดไว้ ว่าถ้าสัญญานั้นหมด หากจะยุติการเช่าเวลาจะต้องมีการแจ้งล่วงหน้า 1 เดือน โดยสัญญาเราจะหมดในปลายเดือนธันวาคม แปลว่าเราจะต้องแจ้งภายในต้นเดือนธันวาคม อย่างช้าที่สุดคือวันที่ 1 ธันวาคม ทางสถานีจะต้องได้รับทราบหมดแล้วว่าเราจะไม่ต่อสัญญา”


เลือกพีพีทีวี เพราะช่วยแก้วิกฤติบริษัทได้-ไร้ข้อผูกมัด

นายจำนรรค์ กล่าวว่า บริษัทพยายามดิ้นรนออกจากภาวะวิกฤติ โดยได้มีการพูดคุยกับการพีพีทีวี โดยอีกฝ่ายเสนอทางเลือกให้ 3 ข้อ คือ 1. เจเอสแอลต้องเช่าเวลาของพีพีทีวี 2. ทำข้อตกลงในลักษณะไทม์แชริ่ง 3. เจเอสแอล จะเป็นฝ่ายรับผลิต โดยพีพีทีวีเป็นผู้ลงทุนและเป็นผู้หาโฆษณา

"ข้อที่ 3 เป็นข้อเสนอที่ตอบโจทย์เรา ทำให้เราหลุดพ้นจากวิกฤตตรงนี้ได้เพราะเราไม่ต้องไปขายโฆษณาแข่งกับสถานี เราแค่ทำรายการเราให้ดีที่สุดให้ได้เรตติ้งดีที่สุด เพราะทางพีพีทีวีเขามีเป้าหมาย คือการทำยังไงให้สถานีของเขาขึ้นมาและให้เรตติ้งเขาขึ้นมาในอันดับของท็อปเท็น โดยเขาเข้าใจธุรกิจดีทั้งหมดทุกอย่าง"

ผู้จัดรายการชื่อดัง ระบุต่อว่า พีพีทีวีไม่ได้มีสัญญาผูกมัดหรือผูกขาดใดๆ กับเจเอสแอล แม้กระทั่งกับคนอื่นๆ ซึ่งเราคิดว่าก็คงจะเป็นลักษณะเช่นเดียวกัน นั่นก็คือเรามีสิทธิ์ที่จะไปผลิตรายการให้คนอื่นได้ ถือเป็นความใจกว้างอย่างที่สุด แม้กระทั่งให้เราสามารถผลิตรายการกับทางช่อง 7 ผู้ค้าเดิม ก็ไม่ได้มีปัญหา โดยเราเองเพิ่งตกลงกันได้เมื่อวันที่ 11 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยได้มีการรับนัดวันที่ 20 พฤศจิกายน เราถือจดหมายไปด้วยตัวเอง เพราะถือว่าเวลาเราไปเราต้องไปมาลาไหว้ก็ต้องไปด้วยตัวเอง แล้วก็ไปยื่นหนังสือ ถือว่าเป็นความบอกล่วงหน้าก่อนตั้ง 40 วันไม่ได้แบบปุ๊บปั๊บไป 

"ถามว่ามูลค่าความเสียหายจากการที่ถูกยกเลิกรายการอย่างกะทันหันก็ประมาณ 20 ล้านบาท โดยทางสถานีแจ้งเหตุผลของการยกเลิกว่าจะหารายการที่เหมาะสมและเป็นประโยชน์มาลงแทน”

ทิศทางในอนาคตของ เจเอสแอล

นายจำนรรค์ กล่าวว่า การดำเนินธุรกิจในปีหน้าคาดว่าบริษัทจะมีอิสระ เนื่องจากไม่มีข้อผูกมัดใดๆ กับพีพีทีวี โดยเจเอสแอลจะขยายงานไปทุกช่องทาง และเปลี่ยนสภาวะของผู้จัดรายการที่หาโฆษณาเอง เป็นคอนเทนต์ดีไซน์เนอร์ ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าแต่ละช่องรวมถึงลูกค้าในโลกออนไลน์ด้วย

"ปีหน้าเราจะบุกในเรื่องของละคร โฆษณาเราก็ทำเยอะ มีแบรนด์ดิ้ง โฆษณา สารคดี ทอล์กโชว์ ละคร เกมโชว์ ซึ่งปีหน้าจะมีเกมโชว์กับทรู วาไรตี้โชว์กับพีพีทีวี ซึ่งมันหลากหลาย ออนไลน์เราก็มีละครทางไลน์ทีวีเรื่อง “พรุ่งนี้…จะไม่มีแม่แล้ว” เอามาจากญี่ปุ่นมารีเมกในเวอร์ชั่นไทย นี่คือการขยายอาณาจักรของ เจเอสแอล เราไม่ได้ตกต่ำลงนะคะ เพียงแต่เราเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจของเราให้กว้างขวาง แผ่ไพศาลออกไปมากขึ้น

"สิ่งที่เจเอสแอลแถลงในวันนี้ ไม่ใช่เพื่อจะมาปกป้องตัวเอง เพื่อทำให้ภาพของเจเอสแอลดี แต่เรากำลังจะพูดในเรื่องของการเปลี่ยนแปลงวงจรธุรกิจของโทรทัศน์ว่ามันจำเป็นต้องเปลี่ยนไปอย่างไรบ้าง อยากจะขอร้องให้ชาวโทรทัศน์ทุกคนมีความรัก มีความสามัคคีกัน มีความเอื้ออารี มีความเมตตาช่วยเหลือกัน ให้ทุกคนอยู่รอด” คุณจำนรรค์ กล่าว