ไม่พบผลการค้นหา
พายุเฮอร์ริเคน ‘แซลลี’ ถล่มชายฝั่งฟลอริดาและแอละแบมา ทำให้ประชาชนมากกว่า 500,000 คนต้องอยู่โดยไม่มีไฟฟ้าใช้

ศูนย์เฮอร์ริเคนแห่งชาติสหรัฐฯ หรือ NHC ระบุว่า เฮอร์ริเคน ‘แซลลี’ อ่อนกำลังลงแล้ว หลังจากที่ขึ้นฝั่งด้วยความแรงระดับ 2 เมื่อวันที่ 16 ก.ย.ที่ผ่านมา แต่พายุลูกนี้ยังคงเคลื่อนไปอย่างช้าๆ ถล่มมลรัฐฟลอริดาและแอละแบมา

เฮอร์ริเคนลูกนี้ขึ้นฝั่งที่แอละแบมาในช่วงเช้ามืดของวันที่ 16 ก.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ด้วยความเร็วลมสูงสุดที่ 169 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ต่อมา ‘แซลลี’ อ่อนกำลังลงเป็นดีเปรสชันที่มีความเร็วลมประมาณ 56 กิโลเมตรต่อชั่วโมง แต่ฝนตกหนักและน้ำท่วมทำให้เกิดความเสียหายอย่างมาก

‘แซลลี’ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย สูญหาย 1 คน และต้องอพยพประชาชนมากกว่า 337 คนออกจากพื้นที่น้ำท่วม และยังส่งผลให้ประชาชนในแอละแบมากว่า 290,000 คน และอีก 253,000 คนอาศัยอยู่ในบ้านโดยที่ไม่มีไฟฟ้าใช้

เมืองเพนซาโคลาของมลรัฐฟลอริดาได้รับผลกระทบอย่างหนักจากเฮอร์ริเคนลูกนี้ มีน้ำท่วมสูงถึง 152 เซนติเมตร ระดับน้ำที่สูงขึ้นส่งผลให้เรือบรรทุกพุ่งทำลายส่วนหนึ่งของสะพานเบย์บริดจ์ ด้านเจ้าหน้าที่ประกาศไม่ให้ประชาชนในพื้นที่อยู่แต่ในบ้าน ยังไม่ต้องออกมาสำรวจความเสียหาย เพราะจะยิ่งทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ลำบากขึ้น 

‘แซลลี’ เคลื่อนที่อย่างช้าๆ อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ โดยการศึกษาที่ตีพิมพ์ในนิตยสาร Nature เมื่อปี 2018 พบว่า ความเร็วของเฮอร์ริเคนและพายุโซนร้อนที่อยู่ในพื้นที่ลดลงประมาณ 10% ในช่วงปี 2492 และ 2559 ซึ่งเกี่ยวข้องกับปริมาณฝนตกเพิ่มขึ้น และจะทำให้เกิดน้ำท่วมมากขึ้น

 

ที่มา : BBC, The New York Times