หลังก่อนหน้านั้น พล.อ.ประยุทธ์ ได้ต่ออายุไว้ถึง 3 ครั้ง
ไล่ตั้งแต่ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 1 ระหว่างวันที่ 1-31 พ.ค. 2563
ไล่ตั้งแต่ ขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 2 ระหว่างวันที่ 1-30 มิ.ย. 2563
และก่อนหน้านั้น ก็ลงนามขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร คราวที่ 3 ระหว่างวันที่ 1-31 ก.ค. 2563
นี่จึงทำให้ประเทศไทยต้องอยู่ภายใต้การใช้อำนาจพิเศษของ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มาอย่างต่อเนื่องนับแต่วันที่ 26 มี.ค. ที่ผ่านมา
เหตุผลการประกาศต่ออายุการงัดอำนาจพิเศษนี้ นางนฤมล ภิญโญสินวัฒน์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ย้ำเมื่อวันที่ 29 ก.ค. ที่ผ่านมาว่า ครม.มีมติเห็นชอบตามที่สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เสนอขยายเวลาการใช้อำนาจตาม พ.ร.ก.การบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน ออกไปอีก 1 เดือน โดยจะสิ้นสุดในวันที่ 31 ส.ค. 25663 แต่ข้อกำหนดจะสอดคล้องกับมาตรการผ่อนปรน ซึ่งจะสามารถทำกิจกรรมต่างๆ ได้ใกล้เคียงกับสถานการณ์ปกติมากขึ้น จะตัดการบังคับใช้ในมาตรา 9 เรื่องการห้ามชุมนุม ออกไปด้วย
แม้จะไม่ได้ใช้อำนาจตามมาตรา 9 อย่างเต็มที่ก็ตาม ทว่าปฏิเสธ ไม่ได้ว่าสถานการณ์ภายนอกรัฐสภา ถูกจุดไฟ จุดพลุผ่านการชุมนุมแฟลชม็อบของบรรดาคนรุ่นใหม่ นักเรียน นิสิต และนักศึกษา ผ่านเครือข่ายเยาวชนปลดแอก และสหภาพนักเรียน นิสิต นักศึกษาแห่งประเทศไทย (สนท.) ตั้งแต่วันที่ 18 ก.ค. ที่ผ่านมาในกรุงเทพมหานคร
โดยใช้เงื่อนไขกดดันให้รัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ ยุบสภา - แก้ไขรัฐธรรมนูญ- หยุดคุกคามประชาชน
เพื่อเป็นการกดดันรัฐบาลไปในตัว ซึ่งอยู่ในช่วงจังหวะที่กำลังปรับ ครม.ประยุทธ์ 2/2
ภายใต้การชุมนุมของแฟลชม็อบที่ลุกลามไปทั่วประเทศ แม้สถานการณ์การแพร่ระบาดโควิด-19 จะคลี่คลายลง โดยไร้ผู้ติดเชื้อในประเทศจนถึงวันที่ 31 ก.ค. มาเป็นเวลาติดต่อกันถึง 67 วัน หรือ 2 เดือนกว่า แต่รัฐบาลยังไม่ผ่อนปรนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ด้วยความจำเป็นทางกฎหมาย
“ขณะนี้มีความจำเป็นต้องมีระบบการบริหารจัดการวิกฤติการณ์ในลักษณะการรวมศูนย์ที่ปฏิบัติงานได้อย่างรวดเร็ว เป็นเอกภาพและมีประสิทธิภาพ รวมทั้งมีการบูรณาการกำลังพลเรือน ตำรวจ และทหารเข้าร่วมปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอำนาจตามพ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะเป็นเครื่องมือที่สำคัญในการเตรียมความพร้อมให้กับประเทศในช่วงการเปลี่ยนผ่านไปสู่ฐานวิถีชีวิตใหม่ (NewNormal) จนกว่าจะมีกฎหมายฉบับอื่นมารองรับในอนาคต" นพ.ทวีศิลป์ วิษณุโยธิน โฆษก ศบค. กล่าว
เช่นเดียวกับ กุนซือกฎหมายรัฐบาล อย่าง ‘วิษณุ เครืองาม’ รองนายกฯ ย้ำว่า การต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินนั้น ไม่ต้องนำมาตรการอะไรมาใช้ ซึ่งมาตรการมีอยู่ 6 มาตรการ เช่น การเคอร์ฟิวและมาตรการอื่นๆ ก็ได้ยกเลิกไป แต่การคงไว้จะได้ประโยชน์ในเรื่องของการสนธิกำลังของเจ้าหน้าที่ ซึ่งไม่มีกฎหมายใดให้สามารถทำแบบนี้ได้ ซึ่ง พ.ร.บ.โรคติดต่อ ให้อำนาจแพทย์เป็นผู้ใช้ แต่ก็ไม่สามารถไปสั่งสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง หรือ ทหาร ตำรวจได้
“ขอให้จำไว้ว่า ถ้าใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ประเทศไทยมีทั้งหมด 77 จังหวัด และมีด่านเข้าออกจุดผ่อนปรน 70 ด่าน ซึ่งก็มีมาตรฐานต่างกัน แล้วนายกรัฐมนตรี จะไปสั่งเอง แต่ละจุด แต่ละจังหวัดไม่ได้” นายวิษณุ ระบุ
ขณะที่ท่าทีของฝ่ายค้าน คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ประธานยุทธศาสตร์พรรคเพื่อไทย ยังคงเรียกร้องโดยคัดค้านการต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพราะ 2 เดือนที่ผ่านมานั้นประเทศไทยไม่พบผู้ติดเชื้อไวรัสโควิด-19 ในประเทศเลย ทำไมต้องใช้กฎหมายพิเศษมากำราบไว้ ถ้าอยากทำโทษจริงๆ ควรทำโทษตัวเองมากกว่า เพราะความผิดพลาดที่ผ่านมาล้วนมาจากความประมาทของรัฐบาลทั้งนั้นที่ปล่อยให้มีผู้ติดเชื้อจากต่างประเทศเข้ามา
คุณหญิงสุดารัตน์ยังเสนอว่าทำไมรัฐบาล ถึงไม่เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจปากท้องที่กำลังสาหัสของคนไทย ซึ่งสิ่งที่นายกรัฐมนตรีควรทำคือสร้างความมั่นใจให้กับคนไทยและนักลงทุนต่างชาติว่าประเทศสามารถควบคุมโควิด-19 ได้แล้ว อย่าใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เพื่อประโยชน์ต่อความมั่นคงของตัวเอง ในการคุมนักศึกษาไม่ให้ออกมาเคลื่อนไหวเท่านั้น
การเมืองในเดือน ส.ค. ยังคงต้องจับตาสถานการณ์การใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ที่กินเวลาเข้าสู่เดือนที่ 5 ไม่เพียงที่รัฐบาลจะต้องควบคุมไม่ให้โควิด-19 กลับมาทำลายสถิติการไม่มีผู้ติดเชื้อในประเทศถึง 2 เดือน
การชุมนุมของแฟลชม็อบยังคงเดินหน้าไล่กดดัน ‘ประยุทธ์’ อย่างต่อเนื่อง หลังรอคำตอบกับรัฐบาลมา 2 สัปดาห์
“ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน เดี๋ยวนี้ ไม่เช่นนั้นประชาชนจะลุกขึ้นมายกเลิกเอง” เป็นคำขู่ของ พริษฐ์ ชิวารักษ์ แกนนำ สนท. ถึงการต่ออำนาจใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินในรอบที่ 4
ล่าสุดเริ่มเห็นเงื่อนไขที่จะมีความชัดเจน คือการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปลดล็อกขั้นตอนการแก้ไขรัฐธรรมนูญให้ง่ายขึ้น ผ่านการแก้ไขมาตรา 256 เพื่อให้มีการตั้ง ส.ส.ร. จากการผลักดันของ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎร โดยใช้โมเดลตามรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2534
เดือน ส.ค. รัฐบาลประยุทธ์ยังต้องเผชิญความท้าทายในการแก้ไขปัญหาเศรษฐกิจ ที่ทุกแวดวงประสบปัญหาจากโควิด-19 ภายใต้โฉมหน้ารัฐมนตรีคนใหม่ อย่าง ‘ปรีดี ดาวฉาย’ว่าที่ รมว.คลัง จะฉายดาวให้เด่นชัดในเรื่องการแก้ไขฟื้นฟูเศรษฐกิจในรอบครึ่งปีหลังได้หรือไม่
อย่าลืมว่าเงื่อนไขที่ยังไม่บรรลุผลของแฟลชม็อบคือ เรื่องยุบสภาและหยุดคุกคามประชาชน
นี่จึงเป็นเดือน ส.ค. แห่งการนวดรัฐบาลต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 2 ติดต่อกัน เพื่อรอจังหวะให้รัฐบาลเพลี่ยงพล้ำ
การที่ คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาปัญหา หลักเกณฑ์แนวทางการแก้ไขรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2560 สภาผู้แทนราษฎรที่มี ‘พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค’ ที่ปรึกษานายกฯ เป็นประธาน ยอมปลดล็อกขั้นตอนการแก้ไขให้ง่ายขึ้น จึงเป็นการลดกระแสร้อนนอกสภาในระดับหนึ่งแม้จะยังไม่ที่สุด
เงื่อนไขการแก้ไขรัฐธรรมนูญจะผ่านได้ง่ายจึงอยู่ที่ ‘ประยุทธ์’ ที่จะต้องส่งสัญญาณไปยัง ส.ว. ให้ยอมปลดล็อกมาตรา 256
นี่แค่เริ่มต้นจึงไม่ใช่เรื่องง่าย ม็อบนอกสภาจึงจำเป็นต้องขย่มรัฐบาลผ่านโซเชียลฯ ด้วยพลังแฮชแท็กต่อไปในเดือน ส.ค. คู่ขนานการเมืองในสภาผ่านการกดดันของฝ่ายค้านเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ
อ้างอิง
ประกาศ เรื่องการขยายระยะเวลาการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในทุกเขตท้องที่ทั่วราชอาณาจักร (ฉบับที่ 4)