ไม่พบผลการค้นหา
"เทวัญ" เผย เป็นนิมิตหมายที่ดี ส.ส.ฝ่ายค้านบางส่วนเตรียมโหวตร่างงบปี 63 ให้ผ่าน เผยคุยกับ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้วบรรยากาศดี ย้ำถกงบ 3 วันจบ ขณะยืนยันกลุ่มสมัชชาคนจนพอใจการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่ปรึกษาคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวถึงการประชุมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวันที่ 17 ตุลาคมว่า ยังคงกำหนดไว้ที่ 2-3 วัน โดยให้ไปจบในครึ่งวันของวันที่ 19 ตุลาคมนี้ ส่วนการหารือของวิปรัฐบาลในวันนี้ ได้ข้อสรุปแล้ว แต่จะต้องไปพูดคุยกับวิปฝ่ายค้านอีกครั้ง

"จากการพูดคุยกับนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ประธานวิปฝ่ายค้านแล้วบรรยากาศเป็นไปด้วยดี และมั่นใจว่าการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณปี 63 จะผ่าน เพราะจากการพิจารณาแล้วฝ่ายค้านเองก็คงอยากเห็น พ.ร.บ.งบประมาณผ่านเพื่อนำมาสู่ประชาชน" นายเทวัญ กล่าว

ขณะที่เรื่องเสียงปริ่มน้ำจากการพูดคุยกันในเว็บรัฐบาลทุกคนก็มั่นใจว่าจะได้เสียงครบพร้อมปฏิเสธไม่ทราบกระแสข่าว ส.ส.พรรคฝ่ายค้านบางส่วนเตรียมแตกแถวโหวต พ.ร.บ.งบประมาณให้รัฐบาล แต่หากโหวตให้จริงก็ถือว่าเป็นนิมิตหมายที่ดี

“เทวัญ” ยืนยันกลุ่มสมัชชาคนจนพอใจการดำเนินการแก้ไขปัญหาของรัฐบาล ขณะที่ แบ่งการแก้ไขไขปัญหาออกเป็น 9 กลุ่ม เพื่อแก้ไขปัญหาให้รวดเร็วที่สุด  


ยืนยันกลุ่มสมัชชาคนจนพอใจรัฐบาลดำเนินการแก้ไขปัญหา

นายเทวัญ ในฐานะประธานเจรจาหาข้อสรุปม๊อบสมัชชาคนจนกล่าวว่า ภายหลังการหารือในกรอบกับคณะซึ่งสามารถสรุปรวมได้ 9 กลุ่ม ซึ่งต้องดูว่าแต่ละกลุ่มเชื่อมโยงกับกระทรวงใดบ้าง ซึ่งกรอบการทำงานจะมีการเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาร่วมพูดคุยหารือถึงแนวทางแก้ไขปัญหา โดยการหารือในวันนี้กลุ่มสมัชชาคนจนมีความพึงใจ ซึ่งภายหลังจากนี้จะมีการเดินหน้าการทำงานในลักษณะดังกล่าว พร้อมมอบหมาย ให้ รองปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้จัดกรอบเวลาของแต่ละกลุ่ม ซึ่งจากการที่ตนได้ฟังเสียงของกลุ่มสมัชชา พบว่าต้องการคนที่มีความรู้เข้ามาทำงานเพื่อแก้ไขปัญหา


สมัชชาคนจน.jpg

ส่วนที่กรณีม็อบเรียกร้องให้นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์​ ให้เป็นประธานการแก้ไขปัญหา นั้นต้นเป็นเพียงประธานเจรจาในเบื้องต้นไม่ใช่ประธานแก้ไขปัญหา หากได้ข้อสรุปจึงมาตั้งประธานแก้ไขปัญหาอีกรอบนึงส่วนนายสุรินทร์จะนั่งเป็นประธานแก้ไขปัญหาหรือไม่ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีเป็นผู้ตัดสินใจ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :