ไม่พบผลการค้นหา
อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทยถามนายกฯ ประชาธิปไตยแบบไทยนิยมหมายถึงอะไร ชี้ ประชาธิปไตยต้องตามหลักสากล อำนาจเป็นของประชาชน เคารพการตัดสินใจของประชาชน และศรัทธาในประชาชนเท่านั้น ด้านวัฒนาโพสต์เฟซบุ๊กสังคมไทยต้องช่วยกันสร้างค่านิยมให้คุณค่ากับความยุติธรรมและหลักการประชาธิปไตย

จากกรณีที่พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กล่าวในระหว่างมอบโอวาทเนื่องในวันเด็กแห่งชาติ ที่ทำเนียบรัฐบาลเมื่อวันที่ 13 ม.ค. ที่ผ่านมาว่า ประชาธิปไตยมีแน่นอน แต่เป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยม แบบไทยๆ โดยที่ต้องไม่ผิดกติกาของคนอื่น

ด้านนายสามารถ แก้วมีชัย อดีต ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ในฐานะคณะทำงานติดตามการร่างรัฐธรรมนูญกล่าวว่าหลักการประชาธิปไตยต้องว่าไปตามหลักสากล คืออำนาจเป็นของประชาชน ต้องเคารพการตัดสินใจของประชาชน และศรัทธาในประชาชนเท่านั้น จะไปบิดพลิ้วให้แตกต่างไปจากหลักสากลที่มีอยู่ได้อย่างไร ที่บอกว่าเป็นประชาธิปไตยแบบไทยนิยมไม่ทราบว่านายกฯ คิดและหมายความถึงอะไร ต้องถามจากนายกฯ ว่า ไทยนิยมเป็นอย่างไรเพราะตนก็ยังไม่รู้

แต่เห็นว่าถ้าจะไปคิดแทนประชาชน ไปวางยุทธศาสตร์ 20 ปี หรือเขียนกติกาที่ทำให้ประชาชนด้อยคุณค่า ทำให้อำนาจของประชาชนหายไปโดยกรอบของกติกาที่ผู้มีอำนาจวางเอาไว้ ไม่น่าจะใช่หลักประชาธิปไตยที่ถูกต้อง

นายสามารถ กล่าวว่า วันนี้แม้แต่กติกาที่เขียนก็ผิดไปจากหลักสากลอยู่แล้ว เช่น รัฐธรรมนูญที่กำหนดการเลือกนายกรัฐมนตรีต้องไปเรื่องในที่ประชุมรัฐสภา ซึ่งมีตัวแทนที่ไม่ได้มาจากประชาชน ยิ่งกว่านั้นจะมีปัญหาหากพรรคการเมือง ไม่ได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งหรือ 376 เสียง ก็เลือกนายกฯไม่ได้ ผู้แทนมี 500 คนที่มาจากประชาชนเลือก

สมมุติว่าพรรคใดพรรคหนึ่งได้ 251 เสียง เป็นเสียงข้างมาก ผู้นำพรรคนั้นถือว่าประชาชนให้ความยินยอมมาเป็นนายกฯ แล้ว แต่วันนี้กลับเอาเสียง 500 คนไปประชุมร่วมกับบุคคลที่คสช.แต่งตั้ง 250 คน รวมเป็น750 คน แล้วมาบอกว่าคนที่จะได้เป็นนายกฯต้องได้เสียงเกินกึ่งหนึ่งของ 750 คน คือ 376 เสียง ทำให้พรรค ที่ได้เกินกึ่งหนึ่งคือ 251 เสียง ไม่มีโอกาสจะได้เป็นนายกฯ

ขณะเดียวกันถามว่าถ้าผู้มีอำนาจจะเอาบุคคลที่ตั้งมา 250 คนไปบวกกับสมาชิกพรรคที่ควบคุมได้เพื่อให้มีเสียงเกินกึ่งหนึ่งก็ไม่ง่าย

การเขียนกติกาอย่างนี้จะเรียกว่าเป็นประชาธิปไตยได้อย่างไร เพราะเป็นประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการอยู่ด้วย ฉะนั้นคำว่าประชาธิปไตยแบบไทยนิยมถ้าจะให้ตนตีความคือประชาธิปไตยที่มีส่วนผสมของเผด็จการชี้นำอยู่ด้วย

ขณะที่ นายวัฒนา เมืองสุข อดีตรมว.พาณิชย์ ได้โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยแชร์คลิปของนายจัสติน ทรูโด นายกรัฐมนตรีแคนาดา ซึ่งตอบคำถามสุภาพสตรีที่โกรธเพราะรัฐบาลต้องจ่ายเงินชดเชยให้กับนักโทษที่ถูกทรมานในคุกเป็นเงินถึง 10.5 ล้านเหรียญ หรือประมาณ 267 ล้านบาท โดยคลิปดังกล่าวแสดงถึงการให้เกียรติประชาชนของนายกรัฐมนตรีที่มาจากการเลือกตั้ง รับฟังและตอบอย่างให้เกียรติแบบคนมีปัญญา เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ในประเทศไทย รัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ที่จ่ายเงินชดเชยให้กับการเสียชีวิตของประชาชนจากความขัดแย้งทางการเมืองศพละ 7.5 ล้านบาท แต่กลับมีคนจำนวนหนึ่งไม่เข้าใจหลักความรับผิดชอบของรัฐเมื่อมีการละเมิดสิทธิพลเมือง ซึ่งท้ายที่สุดรัฐบาลน.ส.ยิ่งลักษณ์ถูกป.ป.ช.ดำเนินคดี แต่ในด้านการนำตัวผู้กระทำความผิดมาลงโทษกลับไม่เคยได้รับการตอบสนองจากป.ป.ช.จนญาติผู้เสียชีวิตต้องมาทวงถามความยุติธรรม

นายวัฒนายังได้โพสต์ข้อความอีกว่า สังคมไทยต้องช่วยกันสร้างค่านิยมในการให้คุณค่ากับความยุติธรรมและหลักการประชาธิปไตย แทนค่านิยมคนดีที่เจ้าของวลีเกษียณอายุราชการแล้วยังอยู่บ้านหลวงแถมยังชื่นชมเผด็จการ เพื่อวันหนึ่งข้างหน้าเราจะมีผู้นำที่สง่างาม มีความละอาย เพราะขนาดประชาชนขุดเจอนาฬิกาเพื่อนกว่า 20 เรือนแล้ว ท่านผู้นำยังปล่อยให้ลอยหน้าลอยตาอยู่ในตำแหน่งโดยไม่ละอาย แถมยังเอาหุ่นมาตั้งตอบคำถามสื่อมวลชนให้ขายหน้าไปทั่วโลก

ขณะที่นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ได้โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัวโดยสรุปใจความว่า ตนหลายคนออกมาวิพากษ์วิจารณ์นายกฯ ในกรณีที่พูดกับเด็กๆว่า ประเทศไทยมีประชาธิปไตยแน่ แต่อาจต้องเป็นแบบ"ไทยนิยม"ซึ่งเรื่องนี้เป็นเรื่องต้องเชียร์และให้กำลังใจนายกฯ เพราะปัญหาของประเทศที่ผ่านมาคือความเข้าใจประชาธิปไตยต่างกันสุดขั้ว ตามหลักแล้วระบอบประชาธิปไตยแล้วจะเดินไปได้เราต้องเข้าใจระบอบประชาธิปไตยในระดับที่"ใกล้เคียงกัน" และที่สำคัญคือพฤติกรรมของคนในระบอบประชาธิปไตยในประเทศก็ไม่เป็นไปตามทฤษฎีที่ท่องๆ และอ่านกันมา

นอกจากนี้ประชาธิปไตยเป็น"พลวัตร" เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงยืนยาวมาได้ จนมีคำกล่าวว่า ระบอบนี้เป็นระบอบสุดท้ายของโลก

" เรื่องนี้ผมเลยต้องออกมาเชียร์ท่านนายกฯ ท่านพูดไม่ผิดหรอก เห็นไหมครับ ผมไม่ได้ต่อว่าท่านนายกฯทุกเรื่องแต่ผมไม่มีหน้าที่ต้องไปเชียร์ท่านจนออกหน้าออกตานี่ แต่เรื่องนี้ ไม่เห็นใครออกมาแก้แทนท่านผมเลยต้องออกมาแสดงความเห็น เพื่อไม่ให้ประเด็นสำคัญที่ท่านพูดหายไปกับสายลมแสงแดด ที่ท่านพูดนั่นแหละครับคือหัวใจของประเทศ" นายนิพิฏฐ์ระบุ