ไม่พบผลการค้นหา
กรมส่งเสริมการเกษตรเร่งรัดเกษตรกรให้มาขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงข้อมูลทะเบียน ภายใน ส.ค. นี้ เพื่อรักษาสิทธิประโยชน์ในการเข้าร่วมโครงการหรือการขอรับความช่วยเหลือจากภาครัฐ พร้อมเผยหากปล่อยไว้นานเกิน 3 ปี จะถูกตัดบัญชีทะเบียนทิ้งทันที ปัจจุบันมีเกษตรกรขึ้นทะเบียน 4.75 ล้านครัวเรือน เหลืออีก 1 ล้านครัวเรือน จากเป้าหมาย 5.7 ล้านครัวเรือน

นายสมชาย ชาญณรงค์กุล อธิบดีกรมส่งเสริมการเกษตร เปิดเผยว่า กรมส่งเสริมการเกษตรในฐานะหน่วยงานรับขึ้นทะเบียนและปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรของประเทศไทย โดยมีเป้าหมายการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทั้งหมด จำนวน 5,700,000 ครัวเรือนทั่วประเทศในปี 2561 แต่ปัจจุบันมีเกษตรกรมาขึ้นหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร (ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) จำนวน 4,758,382 ครัวเรือน คิดเป็นร้อยละ 83.48 จากเป้าหมายการขึ้นทะเบียนเกษตรกรทั้งหมด 

ดังนั้น จึงยังมีเกษตรกรอีกประมาณ 1 ล้านครัวเรือน ที่ยังไม่มีการมาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกร ทำให้กรมส่งเสริมการเกษตรต้องเร่งรัดการขึ้นทะเบียนเกษตรกร โดยได้เร่งรัดติดตามงานการขึ้นทะเบียนเกษตรกรไปยังสำนักงานเกษตรจังหวัดทั่���ประเทศ เพื่อประชาสัมพันธ์ไปยังเกษตรกรเป้าหมายให้มาแจ้งปรับปรุงข้อมูลทะเบียนเกษตรกรกับกรมส่งเสริมการเกษตรโดยเร็ว 

โดยขอให้แจ้งหลังปลูกพืชแล้ว 15-60 วัน และให้ทันกับกรอบระยะเวลาการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกร ในปี 2561 

ในกรณีที่เกษตรกรไม่มาปรับปรุงทะเบียนนานเกิน 3 ปี (นับถัดจากวันที่ 23 มิ.ย.2560) จะถูกตัดบัญชีทะเบียนเกษตรกรทิ้งทันที ทำให้หมดสิทธิได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐ

อีกทั้ง ตามที่ ครม.มีมติเมื่อวันที่ 24 ก.ค. 2561 เห็นชอบมาตรการช่วยเหลือเกษตรกรผู้ปลูกข้าวปีการผลิต 2561/2562 โครงการสินเชื่อชะลอการขายข้าวเปลือกและการช่วยเหลือค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพ โดยการจ่ายค่าเก็บเกี่ยวและปรับปรุงคุณภาพข้าวให้เกษตรกร ที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร ไร่ละ 1,500 บาท ตามพื้นที่ปลูกข้าวจริงไม่เกินครัวเรือนละ 12 ไร่ หรือคิดเป็นเงินไม่เกินครัวเรือนละ 18,000 บาท 

ขณะนี้ มีเกษตรกรมาขึ้นทะเบียนเกษตรกรเพื่อรับสิทธิแล้ว (ข้อมูล ณ วันที่ 20 ส.ค. 2561) จำนวน 2,928,706 ครัวเรือน และผ่านการตรวจสอบพื้นที่เพื่อรับเงินแล้ว จำนวน 354,209 ครัวเรือน โดยสิ้นสุดการรับขึ้นทะเบียนเพื่อรับสิทธินี้ ในวันที่ 31 ส.ค. 2561 และส่งมอบบัญชีทะเบียนเกษตรกรทั้งหมดที่ผ่านการตรวจสอบแล้วให้กับ ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) เพื่อดำเนินการต่อไป

สำหรับวิธีการแจ้งขึ้น - ปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรทำได้หลายช่องทาง ได้แก่ 1.ให้เกษตรกรติดต่อสำนักงานเกษตรอำเภอในพื้นที่ทำการเกษตร 2.แจ้งผ่านอาสาสมัครเกษตรหมู่บ้าน (อกม.) 3.แจ้งผ่านสมุดทะเบียนเกษตรกรอิเล็กทรอนิกส์หรือแอพพลิเคชั่น DOAE Farmbook ซึ่งแอพพลิเคขั่นนี้จะทำให้เกษตรกรทราบข้อมูลของตนเองได้ตลอดเวลาและมีความสะดวกในการติดต่อประสานงานกับหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องผ่านโทรศัพท์เคลื่อนที่ ทำให้ไม่ต้องเดินทางไปยังสำนักงานเกษตรอำเภอ

ส่วนประโยชน์ที่เกษตรกรจะได้รับจากการขึ้นทะเบียนหรือปรับปรุงทะเบียนเกษตรกรนั้น คือ 1.เป็นฐานข้อมูลทะเบียนเกษตรกรในการพิจารณาช่วยเหลือเกษตรกรผู้ประสบภัยพิบัติ หรือมาตรการช่วยเหลืออื่นๆ ของรัฐ 2.เป็นเอกสารยืนยันตัวตนความเป็นเกษตรกร และ 3.เกษตรกรได้รับสิทธิความช่วยเหลือในกรณีประสบภัยพิบัติ หรือ ตามมาตรการแก้ปัญหาและจ่ายเงินชดเชยเยียวยาจากภาครัฐ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :