ไม่พบผลการค้นหา
'ประวิตร' ยังไม่ทิ้งตามตัว 'อดีตพระพรหมเมธี' ปัด ไม่รู้ 'ธัมมชโย' ยังกบดานในวัด ไล่ถามคนปล่อยข่าว ลั่นรบ.ไม่เคยกลั่นแกล้ง-ปลุกระดมในโซเชียล ด้าน รมว.ยุติธรรม ติง จนท.ดีเอสไอ ปูดจะจับกุมพระดังอีก 4 วัด ขณะที่นายกฯ วอนอย่าปลุกกระแสผ่านสื่อสร้างความเกลียดชัง

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.กลาโหม ระบุถึงความคืบหน้าการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี อดีตเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศ์ ที่ก่อนหน้านี้ระบุว่าจะได้คำตอบภายใน 3 วัน ถึงกรณีที่ประเทศเยอรมนีจะให้คำตอบว่าจะส่งตัวให้ไทยนำกลับมาดำเนินคดี ว่า ยังไม่ได้รับรายงานในเรื่องดังกล่าว ทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังดำเนินการประสานกับทางการเยอรมันอยู่ ยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง 

ทั้งนี้ข้อเท็จจริงจากที่มีกระแสข่าวว่าพระธัมมชโย ยังหลบซ่อนตัวภายในวัดพระธรรมกาย ยังไม่ได้เดินทางออกนอกประเทศ พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ไม่รู้ ต้องไปถามคนปล่อยข่าว เมื่อถามย้ำว่าขณะนี้มีการปลุกระดมม็อบพระขึ้นมาอีกโดยอ้างว่ารัฐบาลกลั่นแกล้งทางโซเชียลมีเดีย ฝ่ายความมั่นคงประเมินสถานการณ์อย่างไร โดยรองนายกฯ กล่าวว่า จะไปกลั่นแกล้งพระเรื่องอะไร สื่อก็รู้ว่ามีการปลุกระดมแล้วจะมาถามตนทำไม ไม่มี ไม่มีการปลุกระดม เราไม่ได้ทำอะไรเลย พระทำเอง

'ดอน' เผยรอ ตร.หารือกับเยอรมนีก่อน

ส่วน นายดอน ปรมัตถ์วินัย รมว.ต่างประเทศ ระบุถึงการติดตามตัวอดีตพระพรหมเมธี หรือนายจำนง เอี่ยมอินทรา อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ที่ประเทศเยอรมนี ว่า ไม่มีอะไรคืบหน้า ตนรออยู่เหมือนกัน อย่างไรก็ตาม ขณะนี้กระทรวงการต่างประเทศยังทำอะไรไม่ได้ เพราะเจ้าหน้าที่ตำรวจเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งกำลังคุยกันอยู่ หลังจากคุยกันมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กระทรวงการต่างประเทศสามารถรอรับฟังข้อมูลที่มาจากเยอรมนีได้ เพียงแต่ตอนนี้ยังไม่มีอะไร

อย่างไรก็ตาม ทางเยอรมนีได้ประสานขอข้อมูลจากทางการไทยหรือไม่ นายดอน กล่าวว่า เท่าที่รับทราบไม่มี ทั้งนี้ ตนไม่ขอพูดถึงแนวโน้มในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องที่ไม่สามารถคาดเดาได้ ขอให้ทุกคนรอฟังกันต่อไป ซึ่งยังช่วยกันติดตามอยู่

นายกฯวอนอย่าสร้างกระแสเกลียดชัง ชี้ไม่ใช่หน้าที่พระเรียกร้องเลือกตั้ง

ด้านพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. กล่าวถึงที่เจ้าหน้าที่ดีเอสไอโพสต์ข้อความผ่านทางเฟซบุ๊กเกี่ยวกับการจับกุมพระผู้ใหญ่ในคดีเงินทอนวัด ว่าเป็นเรื่องของดีเอสไอที่ต้องแยกระหว่างเรื่ององค์กรกับเรื่องส่วนบุคคล เพราะทุกองค์กรก็มีคนไม่ดีอยู่ ซึ่งต้องไปสอบสวนหากมีความผิดก็ต้องลงโทษทั้งทางวินัยและอาญา ส่วนจะมีนัยยะอื่นแอบแฝงหรือไม่ ขอให้ทุกคนช่วยกันตรวจสอบ ซึ่งตนคงไม่รู้ และไม่สามารถลงรายละเอียดได้ทุกเรื่อง

ส่วนที่โซเชียลมีเดียมีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการดำเนินคดีกับพระสงฆ์ในคดีเงินทอนวัด มีเรื่องการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้อง นั้น เรื่องนี้เป็นเรื่องละเอียดอ่อน ดังนั้นขออย่าสร้างกระแสให้เกิดความขัดแย้งเกลียดชัง เพราะพุทธศาสนาและพระสงฆ์เป็นสิ่งที่คนไทยส่วนใหญ่กว่าร้อยละ 90 นับถืออยู่

ดังนั้นสิ่งใดที่เป็นเรื่องของการกระทำความผิดก็ต้องดำเนินคดีตามกฎหมาย ขออย่าปลุกกระแสให้สังคมเกิดความสับสนและเกิดความขัดแย้ง ซึ่งขณะนี้มีพระบางรูปออกมาเคลื่อนไหวทางโซเชียลมีเดียถือว่าสมควรหรือไม่ และมีพระบางรูปที่ เรียกร้องอยากจะให้มีการเลือกตั้งถามว่ามีความเหมาะสมหรือไม่ และใช่หน้าที่ของพระหรือไม่

"เพราะพระมีหน้าที่บ่มเพาะและสร้างความปรองดองในสังคมสอนหลักธรรมต่างๆ การที่มายุ่งเกี่ยวกับการเมืองมากๆใช่กิจของสงฆ์หรือไม่. จึงให้สังคมช่วยกันพิจารณา และที่หลายฝ่ายวิตกกังวลว่าจะเกิดเหตุการณ์บานปลายหรือไม่ ก็อยู่ที่ทุกฝ่ายจะต้องร่วมมือกัน ตนมีหน้าที่ดูแลรักษาความสงบเรียบร้อย หากเกิดเหตุความวุ่นวายเมื่อใดฝ่ายความมั่นคงก็จะเข้าไปดูแล" พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว

รมว.ยุติธรรม ติงเจ้าหน้าที่ดีเอสไม่ควรเอาข้อมูลราชการมาเปิดเผย

ขณะที่ พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีที่ นายพิสิฐชัย สว่างวัฒนากร พนักงานสอบสวนคดีพิเศษกองคดีภาษีอากร ดีเอสไอโพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า จะมีการจับกุมดำเนินคดีกับเจ้าอาวาสวัดดัง อีก 4 วัด ที่เกี่ยวข้องกับคดีเงินทอนวัดนั้น เรื่องนี้อยู่ระหว่างให้เจ้าของเรื่อง คือสำนักงานสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) ไปตรวจสอบ ว่ามีผลกระทบกับคดีหรือไม่ ยอมรับเป็นสิ่งที่ใม่เหมาะสม และกำชับเจ้าหน้าที่ให้ระมัดระวัง ในเรื่องการให้ข้อมูลของทางราชการ หรือข้อมูลทางคดีที่อยู่ระหว่างการสอบสอนไปเปิดเผยต่อสาธารณะ

ส่วนการติดตามตัวพระธัมมชโย และพระทัตตชีโว ตามที่ นายแพทย์ มโน เลาหวนิช ออกมาระบุว่าพระทั้ง2 รูป ยังอยู่ในวัดพระธรรมกาย เรื่องนี้จะต้องตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน แต่ขณะนี้ไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจประจำอยู่ที่วัดพระธรรมกายแล้ว จึงต้องร้องขอทางเจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบอีกครั้ง