วันนี้ (17 ก.ย. 2562) ​​คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติอนุมัติหลักการร่างพระราชกฤษฎีกา (พ.ร.ฎ.) ให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) จังหวัดนครปฐม เขตเลือกตั้งที่ 5 แทนตำแหน่งที่ว่าง พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (สำนักงาน กกต.) เสนอ และให้ส่งสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาตรวจพิจารณาเป็นเรื่องด่วน แล้วดำเนินการต่อไปได้

​​ทั้งนี้ สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรแจ้งว่านางจุมพิตา จันทรขจร ได้มีหนังสือขอลาออกจากการเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่วันที่ 10 กันยายน 2562 เป็นเหตุให้สมาชิกภาพสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย มาตรา 101 (3)

​​สำนักงาน กกต. เสนอว่า การที่นางจุมพิตา จันทรขจร ซึ่งเป็น ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง ได้ลาออกจากการเป็น ส.ส. ดังกล่าวข้างต้น จึงต้องจัดให้มีการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง ตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ มาตรา 105 ซึ่งกำหนดให้ในกรณีที่เป็นตำแหน่ง ส.ส. ที่มาจากการเลือกตั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้งว่างลงเพราะเหตุอื่นใด นอกจากถึงคราวออกตามอายุของสภาผู้แทนราษฎร หรือเมื่อมีการยุบสภาผู้แทนราษฎร ให้ดำเนินการตรา พ.ร.ฎ.เพื่อจัดให้มีการเลือกตั้ง ส.ส. ขึ้นแทนตำแหน่งที่ว่าง โดยให้เลือกตั้งภายใน 45 วัน

แคนดิเดตผู้สมัคร ส.ส. นครปฐม ยื่นลาออกอนาคตใหม่ ปมถูกใส่ร้าย ตั้งคำถามดูถูก

วันเดียวกันนี้ นางปภัสรินทร์ ชาตรีธีรสวัสดิ แคนดิเดตผู้สมัคร ส.ส. เขต 5 นครปฐม พรรคอนาคตใหม่ พร้อมบุตรสาว ซึ่งเป็นสมาชิกพรรคเช่นกัน ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคอนาคตใหม่ ต่อ กกต. พร้อมขอความเป็นธรรมจากกรณีถูกกรรมการบริหารพรรคอนาคตใหม่กล่าวหาว่า ล็อบบี้สมาชิกพรรคให้เลือกตัวเองเป็นผู้สมัคร ส.ส.เขต 5 นครปฐม  

นางปภัสรินทร์ กล่าวว่า ในการจัดแสดงวิสัยทัศน์เพื่อคัดเลือกผู้สมัครลงรับเลือกตั้ง ส.ส.เขต 5 นครปฐม  เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีมติเลือกนายไพรัฎฐโชติ จันทรขจร สามีของนางจุมพิตาเป็นผู้สมัครของพรรคนั้น ระหว่างการคัดเลือก ตนได้เป็นหนึ่งในผู้เสนอตัว แต่มีกรรมการบริหารพรรคได้ตั้งคำถามกล่าวหาว่า ตนยอมรับหรือไม่ว่า ใส่ร้ายนายไพรัฎฐโชติ และให้คนล็อบบี้สมาชิกพรรค เพื่อให้เลือกเป็นผู้สมัคร ส.ส. โดยอ้างว่ามีคลิปเสียงที่ตนพูดใส่ร้าย การกระทำดังกล่าวเห็นว่าเป็นการดิสเครดิต ให้ได้รับความเสียหาย และไม่ถูกเลือกเป็นผู้สมัคร เพราะคำถามในลักษณะนี้ไม่ควรเกิดขึ้นในการแสดงวิสัยทัศน์ โดยกรรมการบริหารพรรคที่เป็นคนถาม ก็ไม่ได้รู้จักกันเป็นการส่วนตัว ในวันนั้น นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ หัวหน้าพรรค ได้นั่งฟังอยู่ แต่ไม่ได้แสดงท่าทีใดๆ

การกล่าวหาเช่นนี้ทำให้ตนและครอบครัว ที่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นมา 20 ปี ได้รับความเสียหาย ตนไม่เคยเป็นนักการเมืองมาก่อน ตั้งใจมาลงสมัครเพราะต้องการทำงานให้กับประชาชน แต่พรรคกลับมาใช้วิธีนี้กล่าวหากัน จริงๆ บอกกันดีๆ ว่าให้ถอนตัวก็ได้ ที่อ้างว่าว่ามีคลิปเสียงตนที่กล่าวหานายไพรัฎฐโชติ ถ้ามีเสียงตนพูดจริง ให้นำมาเปิดเผยทันที มาเอาเงินหนึ่งพันล้านได้ทันที แต่ถ้าเปิดแล้วไม่มีเสียงตามที่ถูกกล่าวหา กรรมการบริหารพรรคคนนั้นต้องมาขอขมาครอบครัวและตระกูล

นางปภัสรินทร์ ยังกล่าวว่า รู้สึกผิดหวังกับการคัดเลือกตัวแทนผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคในครั้งนี้ พรรคไม่สามารถสร้างประชาธิปไตย อย่างที่เคยหาเสียงไว้ ตนต้องการประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ใจ ให้เกียรติกัน ไม่ใช่ใช้เล่ห์กลทำร้ายคนอื่น ส่วนตัวยังคงเสื่อมใสในตัวนายธนาธร การลาออกครั้งนี้ ไม่ได้เป็นการยุติบทบาททางการเมือง แต่ยังไม่ได้ไปสมัครพรรคการเมืองอื่น