ไม่พบผลการค้นหา
กกต. แจงปม 'ธนาธร' ฟ้องศาลอาญาคดีทุจริตฯ ยืนยันส่งเรื่องให้ศาล รธน. วินิจฉัยทำตามกฎหมาย ปัดเร่งรัด - มีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด ด้านเลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ โต้ กกต. ปมเงินกู้ยืนของพรรค ย้ำไม่มีกฎหมายฉบับไหนห้ามกู้ยืม

สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ชี้แจงถึง การดําเนินการกรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยให้สมาชิกภาพ ของ ส.ส.สิ้นสุดลงของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ โดยระบุว่า ตามที่ปรากฏเป็นข่าวตามสื่อว่า นายธนาธร ได้มอบหมายให้ทนายความ ไปยื่นฟ้องคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 7 ท่านต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ข้อหาความผิดต่อตําแหน่งหน้าที่ราชการ ตามที่ นายธนาธร ถูกกล่าวหาว่าถือครองหุ้นสื่อ ของบริษัท วี-ลัค มีเดีย จํากัด โดยที่ กกต.ไม่รอให้การไต่สวนเรียกพยานเข้าสอบปากคํา ของคณะอนุกรรมการกลับรวบรัดรีบส่งคดีไปยังศาลรัฐธรรมนูญก่อนที่การไต่สวนของคณะอนุกรรมการจะเสร็จสิ้น เป็นเหตุให้ชวนสงสัยได้ว่าคณะกรรมการการเลือกตั้งเร่งรัดคดี โดยมีเหตุจูงใจทางการเมืองหรือไม่ นั้น

เรื่องดังกล่าวข้างต้น สํานักงาน กกต. ได้เคยชี้แจงแล้ว ตามข่าวแจกสำนักงาน กกต. ที่ 63/2562 ลงวันที่ 24 พ.ค. 2562 เรื่อง กรณีการส่งเรื่อง ให้ศาลรัฐธรรมนูญเพื่อวินิจฉัยสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรมีเหตุสิ้นสุดลง ในการนี้ เพื่อให้เกิดความชัดเจน ขอชี้แจงและให้ข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับข้อกฎหมายและข้อเท็จจริงและการดําเนินการ ของคณะกรรมการการเลือกตั้งเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ดังนี้

1.การดําเนินการกรณีสมาชิกภาพของ ส.ส.สิ้นสุดลง เป็นการดําเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 82 วรรคสี่ เรื่องการพ้นจากสมาชิกภาพ ของสมาชิกรัฐสภาที่กําหนดไว้ในรัฐธรรมนูญเป็นการเฉพาะ ไม่ได้บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญ หรือกฎหมายอื่นใด และไม่ได้อยู่ในนิยามของ “กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง” ตามระเบียบ กกต. ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ดังนั้น การดําเนินการจึงไม่อยู่ภายใต้บังคับของระเบียบ กกต. ดังกล่าวข้างต้น เมื่อ กกต. เห็นว่าสมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนใดคนหนึ่งมีเหตุสิ้นสุดลง ก็สามารถยื่นเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยได้ทันที

2.กรณี นายธนาธร เป็นกรณีความปรากฏต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าสําเนาบัญชีรายชื่อผู้ถือหุ้น (แบบ บอจ. 5) มีชื่อนายธนาธร สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบบัญชีรายชื่อ เป็นผู้ถือหุ้นในกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใด ๆ ซึ่งเป็นลักษณะต้องห้ามของผู้มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร อันเป็นเหตุให้สมาชิกภาพของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) คณะกรรมการการเลือกตั้งจึงได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย

2.การดําเนินการกรณคีดีอาญา เป็นการดําเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. พ.ศ. 2561 มาตรา 151 (ผู้ใดรู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ไดส้มัครรับเลือกตั้งหรือทําหนังสือยินยอมให้พรรคการเมืองเสนอรายชื่อเพื่อสมัครรับเลือกตั้งแบบบัญชีรายชื่อ) ซึ่งมีกระบวนการ “ไต่สวน” ตามระเบียบ กกต.ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 โดยคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนต้องแสวงหา และรวบรวมพยานหลักฐาน เพื่อเสนอสํานวน ต่อคณะกรรมการการเลือกตั้งเพื่อพิจารณาวินิจฉัยชี้ขาด ในการนี้ ต้องให้โอกาสผู้ถูกกล่าวหาทราบข้อกล่าวหา ข้อเท็จจริง และพยานหลักฐานโดยสรุป รวมทั้ง ให้โอกาสมาให้ถ้อยคําหรือแสดงพยานหลักฐานด้วย

กรณี นายธนาธร มีผู้กล่าวหาว่า นายธนาธร ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตาม กฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งและพรรคการเมือง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ. 2561 มาตรา 151 ประกอบรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบมาตรา 98 (3) รู้อยู่ว่าตนไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ซึ่ง กกต. ได้ดําเนินการตามระเบียบคณะกรรมการการเลือกตั้ง ว่าด้วยการสืบสวน การไต่สวน และการวินิจฉัยชี้ขาด พ.ศ. 2561 ขณะนี้เป็นสํานวนอยู่ในขั้นตอน การดําเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน คณะกรรมการการเลือกตั้งยังมิได้มีคําวินิจฉัยชี้ขาด ในเรื่องดังกล่าวแต่อย่างใด

ทั้งนี้ การดําเนินการของค กกต. กรณีส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย สมาชิกสภาพของ ส.ส. สิ้นสุดลง หรือกรณีการดําเนินคดีอาญาที่มีผู้ร้องว่ารู้อยู่ว่าตน ไม่มีสิทธิสมัครรับเลือกตั้งเนื่องจากขาดคุณสมบัติหรือมีลักษณะต้องห้ามมิให้ใช้สิทธิสมัครรับเลือกตั้ง เป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้สมัครรับเลือกตั้ง คณะกรรมการการเลือกตั้งได้ดําเนินการตามที่กฎหมายกําหนด และข้อเท็จจริงแล้วแต่กรณี โดยมิได้มีการเร่งรัดหรือมีมูลเหตุจูงใจทางการเมืองแต่อย่างใด

'ปิยบุตร' ตั้งข้อสังเกตุ กกต. โต้กลับ 'ธนาธร' เอาผิด 7 กกต. หรือไม่

ขณะที่ นายปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการพรรคอนาคตใหม่ กล่าวถึงกรณีที่ กกต. ออกเอกสารข่าวระบุให้พรรคอนาคตใหม่ ส่งหนังสือชี้แจงกรณีที่ นายธนาธร ให้พรรคกู้ยืมเงินว่า มีสื่อบางสำนักนำเสนอข่าวว่า กกต. มีมติเรียบร้อยแล้ว ว่า พรรคอนาคตใหม่ มีความผิดตาม พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่หากอ่านเอกสาร กกต. อย่างละเอียดทั้งหมด จะทราบว่า กกต. มีมติให้พรรคส่งเอกสาร เนื่องจากพรรคยังไม่ได้ส่งตามที่ได้ทวงถามมา 

ทั้งนี้นายปิยบุตร ตั้งข้อสังเกตุว่า ปกติแล้วตามกระบวนการ เจ้าหน้าที่ของ กกต. จะประสานกับฝ่ายกฎหมายกับพรรคโดยตรง ซึ่งฝ่ายกฎหมายได้แจ้งด้วยวาจาไปแล้ว ส่วนตัวไม่ทราบว่าในอดีตที่ผ่านมา ว่ามีกรณีแบบนี้หรือไม่ ที่ออกมาเป็นเอกสารข่าว พร้อมมองเป็นเหมือนการโต้ตอบหลังนายธนาธร แจ้งความกับ กกต. หรือไม่ ส่วนตัวก็ไม่อยากคิดเช่นนั้น พร้อมย้ำว่าไม่มีกฎหมายฉบับไหน ห้ามพรรคการเมืองกู้ยืมเงิน ซึ่งการกู้ยืมนี้ เป็นรายจ่าย ไม่ใช่รายได้ของพรรค การก่อตั้งพรรคอนาคตใหม่ ในช่วงคาบเกี่ยวกับ คสช. นั้น มีความจำเป็นต้องใช้เงิน ซึ่งพรรคอนาคตใหม่ เป็นพรรคที่เกิดขึ้นมาใหม่ ต้องการแสดงความบริสุทธิ์ทุกขั้นตอนในการใช้จ่าย โดยไม่ได้ทำ เหมือนพรรคการเมืองเก่าๆที่ผ่านมา ที่ไม่ได้แจกแจง ขณะเดียวกัน ตนมั่นใจว่า หาก กกต. มองว่าผิด ยังไงก็จะไม่มีทางนำไปสู่การยุบพรรคอย่างแน่นอน ในส่วนระยะเวลาในการส่งเอกสารชี้แจงนั้น ยังไม่ได้ข้อสรุปถึงกรอบเวลาที่ชัดเจน 

ส่วนกรณีที่ศาลรัฐธรรมนูญ เตรียมตัดสินคดีของหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ปมถือหุ้นสื่อ ในวันพรุ่งนี้ (20 พ.ย.62) นั้น นายปิยบุตร บอกว่า ส่วนตัวมั่นใจ ว่าประเทศนี้ จะไม่ใช้กระบวนการทางกฎหมายทั้งระบบมากลั่นแกล้งกัน เหมือน "การเผาป่าทั้งป่า เพื่อจับหนูเพียงตัวเดียว" ส่วนที่มีรายงานว่า กกต. จะไปยื่นเอาผิดกับนายธนาธร ทางคดีอาญาต่อนั้น นายปิยบุตร บอกว่า ขอให้รอดูคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 20 พ.ย. ก่อน ซึ่งส่วนตัวยังมีความหวังและมั่นใจอยู่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง