ไม่พบผลการค้นหา
ราชกิจจาฯ เผยแพร่คำสั่งกรมวิชาการเกษตร ให้แจ้งครอบครอง 3 สารเคมี ที่เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ในเวลา 15 วัน และส่งมอบภายในสิ้นปีนี้

วันที่ 18 พ.ย. 2562 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งกรมวิชาการเกษตร เรื่องการดำเนินการกับวัตถุอันตราย ชนิดที่ 4 ที่กรมวิชาการเกษตรเป็นผู้รับผิดชอบ โดยมีรายละเอียดว่า อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 41 มาตรา 43 และมาตรา 52 แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 แก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย (ฉบับที่ 3) พ.ศ.2551 อธิบดีกรมวิชาการเกษตร ออกคำสั่งไว้ดังต่อไปนี้

ข้อ 1 วัตถุอันตรายตามคำสั่งนี้ หมายความว่า วัตถุอันตรายไกลโฟเซต ไกลโฟเซต - เซสควิโซเดียม ไกลโฟเซต - โซเดียม ไกลโฟเซต - ไดแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - ไตรมีเซียมไกลโฟเซต - โพแทสเซียม ไกลโฟเซต - โมโนเอทิลแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - โมโนแอมโมเนียม ไกลโฟเซต - ไอโซโพรพิลแอมโมเนียมคลอร์ไพริฟอส คลอร์ไพริฟอส - เมทิล พาราควอต พาราควอตไดคลอไรด์ และพาราควอตไดคลอไรด์ [บิส (เมทิลซัลเฟต)] ที่กรมวิชาการเกษตรรับผิดชอบ ตามประกาศกระทรวงอุตสาหกรรม เรื่องบัญชีรายชื่อวัตถุอันตราย ออกตามความในมาตรา 18 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ. 2535

ข้อ 2 ให้วัตถุอันตราย ตามข้อ 1 ที่อยู่ในความครอบครอง ก่อนวันที่ประกาศกำหนดให้วัตถุอันตรายนั้นเป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 ต้องแจ้งปริมาณที่มีไว้ในครอบครองภายใน 15 วัน นับแต่ประกาศกำหนดให้วัตถุอันตรายดังกล่าว เป็นวัตถุอันตรายชนิดที่ 4 มีผลบังคับใช้แล้ว ดังนี้

2.1 กรุงเทพมหานคร แจ้งที่สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร

2.2 ภูมิภาคแจ้งที่

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จังหวัดชัยนาท

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา

ข้อ 3 ให้ผู้มีไว้ในครอบครองซึ่งวัตถุอันตราย ตามข้อ 2 ส่งมอบวัตถุอันตรายดังกล่าวที่อยู่ในความครอบครอง ต่อพนักงานเจ้าหน้าที่ภายใน 15 วัน นับแต่วันที่แจ้งปริมาณการครอบครอง ดังนี้

3.1 กรุงเทพมหานคร ส่งมอบที่ สำนักควบคุมพืชและวัสดุการเกษตร

3.2 ภูมิภาคส่งมอบที่

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 1 จังหวัดเชียงใหม่

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 2 จังหวัดพิษณุโลก

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 3 จังหวัดขอนแก่น

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 4 จังหวัดอุบลราชธานี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 5 จังหวัดชัยนาท

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 6 จังหวัดจันทบุรี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 7 จังหวัดสุราษฎร์ธานี

สำนักวิจัยและพัฒนาการเกษตรเขตที่ 8 จังหวัดสงขลา

คำสั่งนี้ให้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีผลบังคับใช้ ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2562 เป็นต้นไป