TikTok คุมเข้มผู้ใช้งานอายุต่ำกว่า 13 ปี
หลังจากที่ TikTok แอปพลิเคชันโพสต์วิดีโอและไลฟ์สตรีมมิงชื่อดัง ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าไม่ปลอดภัยสำหรับเด็ก เพราะเต็มไปด้วยคอนเทนต์ที่ไม่เหมาะสม และเสี่ยงที่เด็กจะถูกคนแปลกหน้าล่อลวง ล่าสุด TikTok ออกมาตรการควบคุมการใช้งานสำหรับสมาชิกที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีแล้ว โดยผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี จะต้องได้รับคำยินยอมจากผู้ปกครอง และจะต้องใช้เอกสารจากผู้ปกครองเป็นหลักฐานสมัครการใช้งาน นอกจากนี้ TikTok ยังลบวิดีโอทั้งหมดที่โพสต์โดยบัญชีผู้ใช้งานที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปีไปแล้ว และยังห้ามโพสต์วิดีโอ แสดงความคิดเห็น หรือส่งข้อความผ่านแอปฯ ด้วย
TikTok แนะนำให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 13 ปี ใช้แอปฯ อีกเวอร์ชันหนึ่งที่ถูกออกแบบมาเพื่อเด็กและเยาวชนโดยเฉพาะ ซึ่งเนื้อหาวิดีโอถูกตรวจสอบแล้วว่าเหมาะสมสำหรับเด็ก และยังได้ปล่อยวิดีโอแนะนำการใช้งานตัวใหม่สำหรับผู้ใช้งานทั่วไป ซึ่งแนะนำวิธีการตั้งความเป็นส่วนตัว วิธีจำกัดเวลาเล่นในแต่ละวัน การจำกัดจำนวนผู้ที่จะเข้ามาดูวิดีโอหรือแสดงความคิดเห็น และวิธีบล็อกความคิดเห็นที่เหยียดสีผิวหรือมีเนื้อหายั่วยุให้เกิดความเกลียดชัง โดย TikTok ยืนยันว่าต้องการทำให้แอปพลิเคชันของตัวเองใช้งานได้สำหรับทุกคน
'โมโตโรลา' เตรียมเปิดตัวสมาร์ตโฟนจอพับกลางปีนี้
หลังจากที่สมาร์ตโฟนหลายแบรนด์พากันเปิดตัวสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ของตัวเองในงาน Mobile World Congress ครั้งที่ผ่านมา โมโตโรลา ผู้ผลิตสมาร์ตโฟนที่มีชื่อเสียงเรื่องการผลิตโทรศัพท์มือถือฝาพับในอดีต ก็กำลังซุ่มพัฒนาสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ของตัวเองเหมือนกัน และ Cnet เว็บไซต์ข่าวไอที รายงานโดยอ้างแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับโมโตโรลา ว่าสมาร์ตโฟนพับหน้าจอได้ของโมโตโลาจะเปิดตัวภายในฤดูร้อนของปีนี้ หรือช่วงประมาณเดือนมิถุนายนถึงสิงหาคม และยังบอกด้วยว่าสมาร์ตโฟนดังกล่าวจะมีรูปแบบที่แตกต่างจากทั้งของซัมซุงและหัวเว่ย และมีราคาที่ถูกกว่า อยู่ที่ประมาณ 1,500 ดอลลาร์ หรือ 47,000 บาท
ก่อนหน้านี้ มีรายงานว่าสมาร์ตโฟนหน้าจอพับได้ของโมโตโรลา จะใช้ชื่อรุ่นว่า RAZR ซึ่งเป็นชื่อรุ่นเดียวกับโทรศัพท์มือถือฝาพับที่โด่งดังที่วางจำหน่ายตั้งแต่ปี 2004 ของโมโตโรลา โดยก่อนที่จะถึงยุคของสมาร์ตโฟน โมโตโรลาถือว่าเป็นผู้นำด้านการออกแบบโทรศัพท์มือถือฝาพับ ซึ่งมาพร้อมกับดีไซน์ที่สวยงามเป็นเอกลักษณ์ และการพกพาที่สะดวกสบาย
FedEx เตรียมใช้หุ่นยนต์อัตโนมัติส่งของ
FedEx ผู้ให้บริการขนส่งสินค้ารายใหญ่ ประกาศว่าเตรียมจะนำหุ่นยนต์อัตโนมัติส่งของมาทดสอบใช้งาน โดยหุ่นยนต์ตัวนี้มีชื่อว่า Same Day Bot เป็นหุ่นยนต์ที่มีลักษณะคล้ายรถเข็นขนาดเล็ก ขับเคลื่อนได้ด้วยตัวเอง โดยมีเซนเซอร์ตรวจจับสิ่งกีดขวาง รถยนต์ และผู้คนที่เดินสัญจรไปมาได้อย่างมีประสิทธิภาพ และระบบล้อของ Same Day Bot สามารถวิ่งผ่านถนน ขึ้นลงทางเดินเท้า หรือสิ่งกีดขวางในเมือง ด้วยความเร็ว 15 กิโลเมตรต่อชั่วโมง ได้อย่างไม่มีปัญหา
FedEx จะเริ่มทดสอบการใช้งาน Same Day Bot ในการส่งของระหว่างสำนักงานใหญ่ของ FedEx ที่เมืองเมมฟิส รัฐเทนเนสซี ซึ่งหากผลทดสอบประสบความสำเร็จ ก็จะขยายการใช้งานไปยังบริษัทอื่น ๆ ทั่วสหรัฐฯ ซึ่ง Same Day Bot ถูกออกแบบมาสำหรับการส่งของระยะใกล้ ไม่เกิน 5 กิโลเมตร ซึ่งเหมาะกับการส่งสินค้าหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการส่งอาหาร หรือส่งสินค้าซูเปอร์มาร์เก็ตจากการสั่งซื้อออนไลน์ เพราะกว่า 60 เปอร์เซ็นต์ เป็นการส่งสินค้าที่มีระยะทางไม่เกิน 5 กิโลเมตรอยู่แล้ว