มหกรรมกีฬาเอเชียนเกมส์ 2018 ที่กรุงจาการ์ตา ประเทศอินโดนีเซีย ก็จบลงไปแล้ว เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยคุณชาญชัย ก็เป็นหนึ่งในนักกีฬาทีมชาติไทย ที่ไปร่วมการแข่งขันครั้งนี้มาด้วย ช่วง Trend Talk วันนี้ เราเลยจะมาคุยกันเรื่องผลงานของนักกีฬาไทย รวมไปถึงการจัดการแข่งขันของเจ้าภาพว่าน่าประทับใจหรือมีปัญหาอะไรที่ตรงไหนหรือเปล่า
1) การจัดการแข่งขันเอเชียนเกมส์ครั้งนี้เป็นยังไงบ้างครับ
การแข่งขันครั้งนี้ ที่กรุงจาการ์ตา และเมืองปาเล็มบังเป็นเจ้าภาพ ถือว่าจัดได้ดีตามมาตรฐานนะครับ เพราะว่าทางอินโดนีเซียเขาเคยมีประสบการณ์เป็นเจ้าภาพจัดเอเชียนเกมส์มาก่อนอยู่แล้ว เมื่อปี 1962 ดังนั้น เรื่องความพร้อมของสนามกีฬา การจัดการแข่งขัน หรือว่าการเดินทาง ก็ไม่มีปัญหาอะไร อย่างไรก็ตาม อินโดนีเซียเข้ามาเป็นเจ้าภาพอย่างกะทันหัน เพราะว่าเวียดนามที่ได้เป็นเจ้าภาพตอนแรกถอนตัวออกไป ก็เลยทำให้อินโดนีเซียมีเวลาในการเตรียมตัวค่อนข้างน้อย เพียงไม่ถึง 4 ปี ทำให้อาจจะมีปัญหาเล็ก ๆ น้อย ๆ เกิดขึ้นบ้าง
เช่นหมู่บ้านนักกีฬา ในห้องพัก ตอนที่เราเข้าไปวันแรก ก็มีความรู้สึกเหมือนกับว่าห้องถูกรีบ ๆ ทำให้มันเสร็จ คือมองผ่าน ๆ เหมือนว่าจะเรียบร้อยดี แต่ที่พื้นก็จะมีฝุ่นที่เกิดจากการก่อสร้าง ตรงนี้เราก็แก้ปัญหาด้วยการออกไปซื้อพวกไม้กวาด ไม้ถูพื้นมาทำความสะอาดกันเอง หรืออย่างเขามีบริการส่งเสื้อผ้าไปซักให้นักกีฬา บางคนก็ส่งเสื้อผ้าไปซัก ก็จะมีปัญหาได้เสื้อผ้ากลับมาไม่ครบ หรือมีเสื้อผ้าคนอื่นปะปนมากับของเรา ก็จะเป็นปัญหาในลักษณะนี้ แต่โดยรวมแล้วก็ถือว่าผ่านไปด้วยดีครับ
2) มีปัญหาเรื่องรถติด หรือมลภาวะ บ้างมั้ยครับ เพราะที่จาการ์ตา เหมือนเรื่องรถติดกับมลภาวะจะเป็นปัญหาใหญ่
เรื่องรถติดก็คล้ายกับกรุงเทพฯ นะครับ คือรถเยอะทุกที่ แต่ว่ารถรับส่งนักกีฬาก็จะมีสิทธิพิเศษหน่อย เพราะว่าจะมีมอเตอร์ไซตำรวจนำ คอยเคลียร์ถนนให้ จากหมู่บ้านนักกีฬาไปสนามแข่ง ก็จะมีระยะทางประมาณ 20 กว่ากิโลเมตร แต่เพราะมีตำรวจคอยช่วยนำทางให้ ทำให้การเดินทางก็ใช้เวลาประมาณแค่ 30 นาที
ส่วนเรื่องมลภาวะ ก็ต้องบอกว่าอยู่ในขั้นย่ำแย่เหมือนกัน ผมลองใช้แอปฯ วัดดูค่า AQI (Air Quality Index) ที่จาการ์ตา พบว่ามีค่าสูงถึงประมาณ 140-150 ซึ่งก็อยู่ในขั้นไม่ดีต่อสุขภาพ อย่างของกรุงเทพฯ อยู่ที่ประมาณ 90-100 ก็จัดว่าแย่แล้ว แล้วที่อันตรายก็คือมันเป็นฝุ่นละอองขนาดเล็กมาก ที่เรามองไม่เห็น มองเผิน ๆ จะเหมือนว่าอากาศสดใส แต่ความจริงแล้ว กลับมีฝุ่นละอองขนาดเล็กลอยอยู่ในอากาศเต็มไปหมด นักกีฬาหลายคนเตรียมหน้ากากไปใส่ด้วย โดยเฉพาะนักกีฬาที่เล่นกีฬากลางแจ้ง อย่างยิงธนู หรือว่าวิ่ง มีหลายคนทีเดียว ที่บ่นว่าหายใจไม่สะดวก
3) เรามาดูเรื่องของผลการแข่งขันกันบ้าง
มาดูตารางเหรียญทองกัน แน่นอนว่าอันดับ 1 ยังคงเป็นประเทศจีนที่ได้เหรียญทองไปทั้งหมด 132 เหรียญ , อันดับ 2 คือญี่ปุ่น ได้ไป 75 เหรียญทอง , อันดับ 3 เกาหลีใต้ ได้ไป 49 เหรียญทอง , อันดับ 4 เป็นของเจ้าภาพอินโดนีเซีย ได้ไป 31 เหรียญทอง , และอันดับ 5 อุซเบกิซสถาน ได้ไป 21 เหรียญทอง , ส่วนไทย ได้ไป 11 เหรียญทอง อยู่ในอันดับที่ 12
ผลงานของนักกีฬาไทยครั้งนี้ ถือว่าประสบความสำเร็จมั้ยครับ?
ถ้าหากว่าดูจำนวนเหรียญ รวมเหรียญทอง เหรียญเงิน เหรียญทองแดง ไทยได้มาทั้งหมด 73 เหรียญ ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้ว ที่อินชอน เกาหลีใต้ ครั้งนั้น เราได้มาแค่ 47 เหรียญ แต่ว่าเวลาจัดตารางเหรียญ เขาจะดูกันแค่เหรียญทอง ซึ่งครั้งนี้ไทยได้มา 11 เหรียญทอง น้อยกว่าเป้าที่ตั้งเอาไว้ เพราะก่อนไปมีการตั้งเป้าไว้ว่าไทยน่าจะได้ประมาณ 15-20 เหรียญทอง และเราก็ได้เหรียญทองน้อยกว่าเอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้วด้วย เพราะครั้งที่แล้วเราได้ 12 เหรียญทอง แต่ครั้งนี้ได้มา 11 เหรียญทอง ลดน้อยไป 1 เหรียญ
แต่ว่าที่ลดลงมามากเลยคืออันดับ เพราะเอเชียนเกมส์ครั้งที่แล้ว เราอยู่อันดับที่ 6 บนตาราง แต่ว่าคราวนี้ ตกมาอยู่อันดับที่ 12 ถือว่าตกลงมาหลายอันดับ ถูกหลายประเทศ ที่คราวที่แล้วอันดับต่ำกว่าเรา อย่าง อินเดีย เกาหลีเหนือ จีนไทเป อุซเบกิซสถาน บาห์เรน แซงหน้าไปในครั้งนี้ ทั้งที่เราได้เหรียญน้อยลงมาแค่เหรียญเดียว แต่ว่าอันดับตกลงมาเยอะ มันก็แสดงให้เห็นว่าประเทศอื่นเขามีพัฒนาการด้านกีฬาที่ก้าวหน้าและอาจจะมีเป้าหมายที่ชัดเจนกว่าเรา
เรามาดูกันว่า 11 เหรียญทอง ที่เราได้มา มาจากกีฬาอะไรกันบ้าง เราได้เหรียญทองจากตะกร้อ 4 เหรียญ , ร่มร่อน 2 เหรียญ , เทควันโด 2 เหรียญ , เจ็ตสกี 1 เหรียญ , ยิงเป้าบิน 1 เหรียญ , จักรยาน 1 เหรียญ โดยสมาคมตะกร้อ ยังคงเป็นสมาคมที่นำเหรียญทองให้กับไทยได้มากที่สุด ครั้งที่แล้วได้มา 4 เหรียญทอง คราวนี้ก็ยังได้ 4 เหรียญทองอยู่ สม่ำเสมอมาก ส่วนกีฬาร่มร่อน หรือ พาราไกลดิง ซึ่งมีการแข่งในเอเชียนเกมส์เป็นครั้งแรก ทีมไทยก็ทำได้ดีเกินคาด กวาดมาได้ 2 เหรียญทอง
ทีนี้ การได้เหรียญทอง หรือแม้แต่เหรียญเงิน หรือเหรียญทองแดง ในเอเชียนเกมส์ มันไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะว่าเอเชียนเกมส์จัดว่าเป็นมหกรรมกีฬาที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก เป็นรองแค่โอลิมปิกเท่านั้น ในบางกีฬา อย่างแบดมินตัน หรือปิงปอง จะเห็นว่าผู้เล่นระดับท็อปของโลกเป็นชาวเอเชียเกือบทั้งหมด การได้เหรียญเอเชียนเกมส์ มันเลยยากแทบไม่ต่างจากการได้เหรียญโอลิมปิก
ตรงนี้ ก็อยากจะบอกว่านักกีฬาทีมชาติทุกสมาคม ทั้งที่ได้เหรียญและไม่ได้เหรียญ ทุก ๆ คนตั้งใจ ฝึกซ้อมกันอย่างเต็มที่ตลอดระยะเวลาเก็บตัว 7 เดือนที่ผ่านมา เรื่องผลแพ้ชนะก็เป็นเรื่องหนึ่ง แต่ว่าเรื่องความตั้งใจของนักกีฬาทุกคนและการได้เห็นนักกีฬาทุ่มเทแข่งขันอย่างเต็มที่ในสนามก็เป็นเรื่องที่คนไทยทุกคนชื่นชม
4) เอเชียนเกมส์ครั้งนี้มีข่าวดราม่าเกิดขึ้นหลายข่าว ไม่ว่าจะเป็นกับนักกีฬาต่างชาติ หรือนักกีฬาไทย เกี่ยวกับพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม เมื่ออยู่นอกสนามแข่ง ในฐานะนักกีฬา คุณชาญชัยมองว่าตรงนี้มันเป็นเรื่องใหญ่ที่นักกีฬาควรระวังมั้ยครับ
อย่างที่บอกไปแล้วว่า การเป็นตัวแทนทีมชาติไทยไปแข่งขันกีฬา นอกจากการแข่งขันกีฬาแล้ว เราก็มีหน้าที่อย่างอื่นด้วย นั่นก็คือสร้างชื่อเสียง สร้างภาพลักษณ์ที่ดีเกี่ยวกับคนไทย เกี่ยวกับปร��เทศไทยในนักกีฬาต่างชาติ หรือคนดูต่างชาติได้เห็น แล้วก็ต้องสร้างความประทับใจให้กับคนไทยที่คอยเชียร์พวกเราอยู่ด้วย ในสนามกีฬาก็ต้องแข่งขันอย่างเต็มที่ และต้องแสดงน้ำใจนักกีฬาให้คนอื่นได้เห็น นอกสนามกีฬา ก็ต้องพูดจา ยิ้มแย้ม ผูกมิตรกับคนประเทศอื่น ซึ่งนักกีฬาไทยส่วนใหญ่ก็รู้ดีและก็มีความประพฤติที่ดีมากทั้งในและนอกสนามแข่ง
แต่ทีนี้มันจะมีปัญหาก็คือพื้นที่โซเชียลมีเดีย ที่นักกีฬาบางคนคิดว่าเป็นพื้นที่ส่วนตัว จะโพสต์อะไรก็ได้ โดยไม่คิดว่ามันจะมีผลลัพธ์ตามมา แล้วนักกีฬาหลายคนก็ยังเป็นวัยรุ่น อยู่ในวัยคึกคะนอง บางทีอาจจะมีการโพสต์อะไรไปโดยไม่คิด หรือคิด แต่ว่าคิดน้อยไปหน่อย บางคนโพสต์ก็นึกว่าจะเป็นเรื่องเฮฮาในหมู่เพื่อนฝูง แต่ว่าคนอื่นที่เขามาเห็น เขาไม่ตลกด้วย
นักกีฬาบางคนแข่งแพ้ ผลงานไม่ดี ก็ถูกกองเชียร์วิพากษ์วิจารณ์ ก็เกิดอาการหัวร้อน ไปคอมเมนต์ตอบโต้ท้าทาย จนกลายเป็นเรื่องใหญ่โต ตรงนี้ก็อยากจะบอกว่า นักกีฬายุคนี้ ไม่ใช่แค่ต้องพฤติกรรมดีในสนามและนอกสนามเท่านั้น แต่ในโซเชียล คุณก็ต้องคุมพฤติกรรมของคุณด้วย การที่เรามาเป็นนักกีฬาทีมชาติ ก็ต้องรู้จักอดทนและก็รับฟังคำวิพากษ์วิจารณ์จากผู้อื่น