นักวิเคราะห์ Talking Thailand แนะ “ประยุทธ์” หยุดพฤติกรรมสั่งสอน ปชช.หลังพูดให้เอาเงินเยียวยาไปใช้จ่ายประจำวัน อย่าเอาไปผ่อนมอเตอร์ไซค์ “อ.วิโรจน์” ย้อน “มอเตอร์ไซค์” ของบางคนเป็นเครื่องมือทำมาหากิน
ไม่ทันไร “คำผกา” ก็ร่ายยาวซัดกลับ “ประชาชนจะเอาเงินไปใช้จ่ายอะไรก็เรื่องของเขา”...แอดฯ สงสัย “พี่แขก” ของแอดฯ กำลังจะบอกให้หยุด “เผือก” ชีวิต ปชช. ใช่ไหม?....อิอิ
เย็นวันพฤหัสบดี (28 พ.ค.63) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ชี้แจงต่อที่ประชุมสภาฯ ร่ายยาวตั้งแต่ พ.ร.ก. ฉุกเฉิน, การใช้เงินกู้ และค่าตอบแทนผู้ปฏิบัติงาน โดยกรณีประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ระบุว่า ต้องการให้การทำงานเป็นไปในทิศทางเดียวกัน เพราะ พ.ร.บ.โรคติดต่อ ไม่สามารถทำงานได้อย่างเป็นระบบ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ทำให้รัฐบาลคล่องตัวในการสั่งการ และทำให้ตัวเลขผู้ติดเชื้อลดลง หากไม่ใช้ก็จะอลหม่าน แล้วใครจะรับผิดชอบ สุดท้ายก็จะมาโทษรัฐบาล
นายกฯ ย้ำอีกว่า ไม่มีใครอยากใช้กฎหมาย แต่คนเราจะปฏิเสธกฎหมายไม่ได้ มีมาตราหนึ่งบอกไว้ว่า คนไทยทุกคนต้องปฏิบัติและเคารพ กฎหมาย จะอ้างว่า ไม่รู้กฎหมายไม่ได้ รัฐบาลทุกรัฐบาลก็ผ่อนผันกันมาแต่บางเรื่องก็ปล่อยไปไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหาย ….
ส่วนการเรียนออนไลน์ นายกฯ ย้ำว่า ขออย่ามองสิ่งที่เป็นปัญหา เคยให้นโยบายไว้กับกระทรวงที่เกี่ยวข้องให้นักเรียนได้เรียนต่อเนื่อง และเห็นว่าพ่อแม่ผู้ปกครองปู่ย่าตายาย สามารถดูโทรทัศน์พร้อมกับเด็ก ไม่น่าจะมีปัญหา ซึ่งค่าใช้จ่ายนั้น กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมก็เป็นผู้สนับสนุนอุปกรณ์และค่าใช้จ่าย
ส่วนเรื่องงบฯ จาก พ.ร.ก.การเงิน 3 ฉบับ ระบุว่า ได้รับฟัง รมว.คลัง และผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทยชี้แจง ซึ่งก็มีหลักการและเหตุผล เว้นแต่จะไปรับฟังแต่ปัญหาและความเดือดร้อน แต่ไม่ยอมฟังเหตุผลที่รัฐบาลชี้แจง ดังนั้น จึงขอให้ทุกคนฟังในสิ่งที่รมว.คลังและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องชี้แจงในที่ประชุมสภาด้วย โดยระบุว่า หากทุกคนช่วยรัฐบาลโดยไม่ถือว่าตัวเองเป็นฝ่ายใด ประเทศไทยก็จะเดินหน้าไปได้ไกลกว่านี้
ส่วนกรณีที่มีสมาชิกอภิปราย ขอให้เพิ่มค่าตอบแทน อสม.กำนันและผู้ใหญ่บ้านในการต่อสู้กับโควิด-19 นั้น นายกฯ ชี้แจงว่า ได้จ่ายค่าตอบแทนไปทั้งหมดแล้ว ต้องไปทำความเข้าใจกับการใช้งบประมาณ เพราะมีทั้งงบฯ ฉุกเฉินกับงบฯรายจ่ายประจำปี และไม่รู้ว่าสถานการณ์จะยืดยาวแค่ไหน ยืนยันรัฐบาลไม่ทิ้ง บุคลากรที่ปฏิบัติงานช่วงโควิด-19 แน่นอน แต่ขอให้ไปดูว่ามีใครทุจริตหรือไม่ แต่ตอนนี้คงไม่มี ขอให้สบายใจว่า รัฐบาลดูแลอยู่แล้ว
ส่วนที่มีข้อห่วงใยจาก ส.ส. ที่ว่า การกู้เงินจะเพิ่มหนี้ให้ประเทศนั้น ก็ชี้แจงว่า ไทยมีหนี้สาธารณะอยู่แล้วจากเดิม แต่การเป็นหนี้เพิ่มขึ้นอีก 51% ก็เพื่อการรักษา เยียวยาและฟื้นฟู ซึ่งจำแนกไว้แล้วว่าจะใช้เงินทำอะไร และการบริหารจัดการเงินจะเป็นไปตามกฎหมายทุกประการ