ทษช. ประกาศเปิดประตูฟื้นเศรษฐกิจ คืนยุคอยู่ดีกินดีให้คนไทย ซัด 5 ปี คสช. คิดไม่ได้ ทำไม่เป็น ต้นเหตุประชาชนกระเป๋าแฟ่บ
29 ม.ค.หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ เปิดตัวแนวคิด “เทคซิโนมิกส์” สานต่อนโยบายเศรษฐกิจแบบคู่ขนานและเทคโนโลยี หวังฟื้นเศรษฐกิจทรุดจากรัฐบาล คสช. พร้อมประกาศตัวเป็นตัวแปรสำคัญจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย
ร.ท. ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ (ทษช.) กล่าวในการเปิดนโยบายพรรคว่า พรรคไทยรักษาชาติคือการหลอมรวมของคนที่มีประสบการณ์และคนรุ่นใหม่ เป็นเบ้าหลอมที่มีรากฐานมาจากพรรคการเมืองที่ประสบความสำเร็จมาแล้วในอดีตพรรคไทยรักไทย ที่มีหัวใจ คือ “ประชาชน” ด้วยจุดมุ่งหมาย เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี และส่งเสริมให้ประเทศไทยก้าวทันโลก ด้วยปรัชญา “ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ ขยายโอกาส” ประชาชนจะกลับมามีกำลังซื้อ เกษตรกรลืมตาอ้าปากได้ ผู้ประกอบการเข้มแข็ง ชุมชนปลอดภัยจากยาเสพติด คนไทยสามารถเข้าถึงบริการสาธารณสุขภาพถ้วนหน้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะ “เราทำได้ ทำมาแล้ว และจะขอทำต่อ”
ร.ท. ปรีชาพลกล่าวต่อไปว่า ถึงแม้มีคนบางกลุ่มพยายามจะเอานโยบายไทยรักไทยไปใช้ แต่ด้วยความไม่เข้าใจถึงหลักคิดและหลักปรัชญา ทำให้ผลลัพธ์ออกมาแตกต่างกัน จึงได้แต่ลอกวิธีทำ แต่ไม่เข้าใจวิธีคิด ที่ต้องปรับเปลี่ยนไปตามสถานการณ์ และยึดประชาชนเป็นศูนย์กลาง
หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ ได้สรุปภาวะของประเทศไทยใน 3 ด้าน คือ
1)สงครามการค้าของประเทศมหาอำนาจ เพราะไทยต้องพึ่งพาการส่งออกเกือบร้อยละ 80
2)สงครามด้านเทคโนโลยี ที่ไทยยังตามประเทศอื่นไม่ทัน
3)ความอ่อนแอทางเศรษฐกิจ และรัฐบาลทหาร ที่ทั่วโลกไม่ยอมรับ
จากข้อมูลของธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า คนไทยกว่าครึ่งประเทศ มีรายได้เฉลี่ยคนละ 6,500 บาทต่อเดือน มีรายจ่ายเฉลี่ยต่อครอบครัวเดือนละประมาณ 21,000 บาท เกษตรกรในยุค คสช. ราคาพืชผลตกต่ำ รายได้ไม่เพิ่มขึ้น เฉลี่ยเพียงแค่ 5,000 บาทต่อเดือน รายงาน ธกส. ระบุว่า หนี้เสียเกษตรกรเพิ่มขึ้นเกือบ 44 % ส่วนค่าแรงปรับขึ้นเพียงครั้งเดียว ไม่ถึง 30 บาท (5-25 บาท) ส่วนผู้ประกอบการ SME ที่มีมากกว่า 3 ล้านราย กลับมีประสิทธิภาพในการส่งออกไม่ถึง 4 หมื่นราย
ทั้งหมดคือ“รากฝอยทางเศรษฐกิจ” เป็น “คนตัวเล็กที่ถูกลืม” ที่ไม่มีใครดูแล ทั้งที่คนเหล่านี้สร้างรายได้เข้าประเทศเกือบครึ่งหนึ่งของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ และนี่คือความเจ็บปวดของประชาชนที่ถูกรัฐบาล คสช. กดทับ และบริหารนโยบายที่ผิดพลาด มาตลอดระยะเวลากว่า 5 ปี เป็นสิ่งที่ยืนยันว่า คสช. คิดไม่ได้ ทำไม่เป็น
'ไทยรักษาชาติ จะคิดใหม่ ทำใหม่ สานต่อระบบเศรษฐกิจแบบคู่ขนาน โดยเน้นเศรษฐกิจภายในประเทศ “รดน้ำที่ราก ไม่ใช่ที่ใบ” ให้ประชาชนมีกำลังซื้อ กระจายความเจริญสู่ท้องถิ่น ไปพร้อมกับเพิ่มการสนับสนุนการลงทุนจากต่างประเทศ และขยายตลาดส่งออก"
"ไทยรักษาชาติ จะใช้วิธีคิดแบบ “เทคซิโนมิกส์” (Techsynomics คือ Technology sync Economics) “เราจะสร้างโอกาสใหม่ให้คนไทย ด้วยระบบโครงสร้างทางเศรษฐกิจใหม่ ที่ใช้เทคโนโลยีที่ทันสมัย” โดยจะนำเอาเทคโนโลยีมาต่อยอดเศรษฐกิจทั้งสองระดับ (ระดับบนและระดับล่าง) เพื่อสร้างโอกาสให้คนไทย และทำให้เกิดมูลค่าทางเศรษฐกิจที่มากขึ้น"
หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติอธิบายว่าวิธีคิดแบบ “เทคซิโนมิกส์” สร้าง 5 โอกาสใหม่ ให้กับคนตัวเล็กๆ ดังนี้
1) โอกาสใหม่ของภาคการเกษตร ในระดับบน จะเชื่อมเกษตรกรเข้าสู่ตลาดโลก โดยอาศัยกลไกตลาด และการเจรจาการค้าระหว่างประเทศ เพื่อดึงราคาสินค้าเกษตรให้สูงขึ้นในระดับล่าง, ยกระดับราคาสินค้าเกษตรภายใต้กรอบวินัยการเงินการคลัง, พัฒนาศักยภาพเกษตรกร ให้เป็นการเกษตรแบบแม่นยำ หรือ Precision Agriculture ที่สามารถวิเคราะห์ข้อมูล เพื่อช่วยในการลดต้นทุน เพิ่มผลผลิต และเพิ่มราคาขาย และจะต่อยอดด้วยการแปรรูปสินค้าเกษตร เพื่อให้ประเทศไทยเป็น “ครัวของโลก” ผ่านระบบ E-Commerce
2) โอกาสใหม่ของภาคแรงงาน ในระดับบน ย้ายแรงงานจากภาคเกษตรและอุตสาหกรรมมาสู่ภาคบริการ เพื่อรองรับการท่องเที่ยว ให้สามารถขยายตัวได้ถึง 6 ล้านล้านบาท ในปี 2571 ตามที่ธนาคารโลกคาดการณ์ไว้ ในระดับล่าง จะยกระดับฝีมือทักษะแรงงาน เพื่อให้คนไทยเป็นนายหุ่นยนต์ ควบคู่ไปกับเพิ่มค่าแรงขั้นต่ำอย่างเป็นธรรม สอดคล้องกับค่าครองชีพ
3) โอกาสใหม่ของภาคบริการ ในระดับบน พัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ ให้เชื่อมต่อการท่องเที่ยวจากทุกจังหวัด ไปสู่ประเทศเพื่อนบ้าน และทั่วโลก, ส่งเสริมให้คนไทยสร้างแอพพลิเคชั่นที่เป็น One Stop Service ให้ข้อมูลครอบคลุมการท่องเที่ยวทั้งระบบ ทั้งการเดินทาง ที่พัก แหล่งท่องเที่ยว ร้านอาหาร ในระดับล่าง ส่งเสริมให้คนในชุมชนปรับบ้านหรือที่พักของตัวเองให้เป็นส่วนหนึ่งของแหล่งท่องเที่ยว ทำโฮมสเตย์ให้เป็น AirBnB สร้างรายได้ให้กับครอบครัวและชุมชน
4) โอกาสใหม่ของผู้ประกอบการรายย่อย ระดับบน จะสร้างพันธมิตรทางการค้า มาเสริมสร้างศักยภาพ SME ไทย ให้ขยายธุรกิจสู่เวทีโลก และปรับปรุงข้อกฎหมาย เพื่อรองรับการลงทุนจากต่างชาติ ระดับล่าง จะส่งเสริมให้ SME ไทยแปรรูปสินค้าทางการเกษตร ให้เป็นที่ต้องการของตลาดโลกยุคใหม่, เปิดโอกาสให้เข้าถึงแหล่งทุน เพื่อให้ง่ายต่อการทำธุรกิจและขยายโอกาสทางธุรกิจให้มากขึ้น, พัฒนาช่องทางการค้าขายออนไลน์ ส่งตรงสินค้าถึงลูกค้าทั้งในและต่างประเทศ
5) โอกาสใหม่ของเศรษฐกิจเกิดใหม่ (Startup) ระดับบน จะสร้างถนนดิจิทัลพาดผ่านหน้าบ้านคนไทยทั้ง 67 ล้านคน ให้คนไทยใช้ประโยชน์จากโอกาสใหม่นี้ ในการทำมาหากินและอำนวยความสะดวกในการใช้ชีวิตประจำวัน, สร้างระบบเครือข่ายพี่เลี้ยง Thailand Startup Networking (TSN) เพื่อผู้ประกอบการใหม่ ด้วยการเข้าถึงความรู้ใหม่ เข้าถึงผู้เชี่ยวชาญ และนักลงทุน ให้สามารถเริ่มต้นธุรกิจ และเติบโตในโลกแห่งการแข่งขัน, ส่งเสริมให้ Startup ไทย สร้าง Platform E-commerce แบบอาลีบาบา หรืออเมซอน ที่เป็นของคนไทยเอง
ระดับล่าง ส่งเสริมให้คนไทยมีธุรกิจเกิดใหม่เป็นของตัวเอง จะทำให้ประเทศไทยเป็นประเทศที่ง่ายต่อการเริ่มธุรกิจสตาร์ตอัพ, ส่งเสริมให้คนไทย สร้างและเข้าถึง Sharing Economy เช่น GRAB และ AirBnB อย่างถูกกฎหมาย และให้รัฐมีรายได้จากการเก็บภาษีจากธุรกิจเหล่านี้, ส่งเสริมให้ผู้ประกอบการรายย่อย startup และนักศึกษาจบใหม่ ให้สามารถตั้งตัวได้ด้วยกองทุนสร้างโอกาส (Opportunity funds)
หัวพรรคไทยรักษาชาติ กล่าวแสดงความมั่นใจว่าแนวคิดแบบเทคซิโนมิกส์ จะสามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจ สร้างโอกาสใหม่ให้กับคนไทยให้กลับมาอยู่ดีกินดีและมีความสุข พร้อมก้าวไปกับโลกที่เปลี่ยนแปลง และพร้อมจะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย ทุกคะแนนของไทยรักษาชาติคือตัวชี้ขาดว่า ประเทศชาติจะเดินไปข้างหน้า คว้าโอกาส ภายใต้ระบอบประชาธิปไตย หรือจะเจ็บปวดและจมปลักอยู่ในวังวน แห่งความล้าหลังต่อไป
“พอกันทีกับ รัฐบาล คสช. และความสงบแบบไร้อนาคต เราจะเลือกอยู่กับรัฐบาลเผด็จการ หรือเลือกรัฐบาลที่เป็นมืออาชีพด้านเศรษฐกิจมาบริหารประเทศ ในสถานการณ์วิกฤตินี้ ผมมั่นใจว่า เศรษฐกิจไทยยามนี้ มีแต่คนเรียกหา ทษช. มาแก้ไข วันนี้ ทษช. พร้อมรับใช้คนไทยแล้วครับ”......ร.ท.ปรีชาพล พงษ์พานิช หัวหน้าพรรคไทยรักษาชาติ กล่าว