รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 10 สิงหาคม 2563
“คำผกา” สงสัย? แกนนำหรือกลุ่มมันสมองของ กปปส. หายไปไหน หลังปล่อยให้คนอ้างตัวเป็นการ์ด กปปส. มาให้สัมภาษณ์จนคนรู้สึกขบขัน วอนคัดคนที่มีวุฒิภาวะ ที่จะสร้างบทสนทนากับแฟลชม็อบนักศึกษา ขนาดจับสีหน้า “อี้ แทนคุณ” ดูออกว่ากระอักกระอ่วน
กลุ่มศูนย์กลางประสานงานนักศึกษา อาชีวะ ประชาชน ปกป้องสถาบันฯ (ศอปส.) ประมาณ 70 คน นำโดยนายสุเมธ ตระกูลวุ้นหนู อดีตหัวหน้าการ์ด กปปส. ในฐานะผู้ประสานงาน ศอปส. นัดรวมตัวแสดงจุดยืนปกป้องสถาบันหลักของชาติ // โดยเริ่มตั้งขบวนกันที่บริเวณข้างรัฐสภา เกียกกายฝั่งวัดแก้วฟ้าจุฬามณี เรียกร้องให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อย่างกระทรวงดิจิทัลฯ กระทรวงการอุดมศึกษาฯ และกระทรวงศึกษาธิการ ดำเนินการกับกลุ่ม หรือบุคคลที่ก้าวล่วงสถาบัน หรือมีสิ่งที่ไม่บังควร โดยเฉพาะในสังคมออนไลน์
จากนั้นเคลื่อนขบวน มายังบริเวณด้านหน้าทางเข้าอาคารรัฐสภา เพื่ออ่านแถลงการณ์ และยื่นหนังสือถึงประธานสภาผู้แทนราษฏร โดยนายสุเมธ อ่านแถลงการณ์ ระบุว่า เนื่องจากห้วงระยะเวลา 4 เดือนที่ผ่านมา รัฐบาลและประชาชนชาวไทยกำลังเผชิญภัยคุกคามจากโรคโควิด-19 และปัญหาทางเศรษฐกิจที่จะติดตามมาอีก ซึ่งเป็นห้วงเวลาที่คนไทยทั้งหมดต้องรู้รักสามัคคีเพื่อนำพาประทศชาติให้พ้นภัยร้ายเหล่านี้ แต่กลับมีบุคคลกลุ่มหนึ่ง ยุยงให้เด็ก ที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะออกมาคลื่อนไหวโจมตีทหารและรัฐบาล โดยนำสถาบันพระมหากษัตริย์เข้าไปเกี่ยวข้องด้วย การกระทำแบบนี้นับวันจะทวีความรุนแรงขึ้น ถึงขนาดจะล้มล้างระบอบการปกครอง และล้มล้างวัฒนธรรม ยุยงให้เกิดความแตกแยกขึ้นระหว่างเยาวชนกับพ่อแม่ และครูบาอาจารย์ พฤติกรรมเหล่านี้เป็นเรื่องที่ไม่เคยกิดขึ้นมาก่อนในสังคมชาวไทย
แถลงการณ์ฯ ระบุต่อว่า กลุ่มนักเรียนอาชีวะทั้งที่กำลังศึกษาอยู่ในปัจุบันและที่สำเสร็จการศึกษาไปแล้วรวมทั้งนิสิตนักศึกษา ประชาชน ที่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ และรักขนบธรรมเนียมประเพณีไทย เห็นว่า ถึงเวลาที่จำเป็นต้องรวมตัวกัน ออกมาทักท้วงบุคคลเหล่านั้น ให้ยุติการกระทำที่ใช้เยาวชนป็นเครื่องมือทำลายชาติ ก่อนที่จะเกิดการแตกแยกภายในสถาบันครอบครัวระหว่างเด็กและผู้ใหญ่ เด็กกับครูอาจารย์ จะแพร่กระจายไปมากขึ้นจนส่งผลระทบต่อความมั่นคงของชาติ // จึงรวมตัวกันจัดตั้ง ศอปส. ขึ้น เพื่อดำเนินการท้วงติงให้ สติต่อทั้งกลุ่มเยาวชน พ่อแม่ ครู อาจารย์ เจ้าหน้าที่รัฐทั้งหลายให้ตระหนักถึงภัยคุกคามของชาติจากบุคคลกลุ่มหนึ่งที่พยายามยั่วยุให้เยาวชนของเรากลายเป็นคนไม่มีศาสนา คลั่งไคล้อารยธรรมตะวันตก และยาเสพติด เกลียดชังพ่อแม่ ครูอาจารย์
“ศอปส. จัดตั้งขึ้นทุกจังหวัด เพื่อสนับสนุนให้นักศึกษา ประชาชน ทุกสาขาอาชีพได้รวมตัวกันเพื่อมีจุดประสงคนที่จะแจ้งเตือนถึงภัยดังกล่าวด้วยสันติวิธี โดยจะใช้การต่อต้านทางสังคม แทนการใช้ความรุนแรง เริ่มจากการเปิดเผยตัวบุคคลที่ชังชาติต่อเพื่อนบ้าน ครู อาจารย์ของเยาวชนเหล่านั้น เจ้าหน้าที่รัฐที่มีหน้าที่รับผิดชอบ และประชาชนให้ทราบเป็นอันดับแรก รวมถึงการเร่งรัดให้เจ้าหน้าที่รัฐดำเนินการทางกฎหมายต่อบุคคลที่หมิ่นสถาบันอย่างชัดเจน และพร้อมที่จะเผชิญหน้าพูดคุยกับกลุ่มบุคคลที่หลงผิด หลอกลวงของผู้ชังชาติตลอดเวลาทุกสถานที่”
นายสุเมธ กล่าวด้วยว่า เรารับไม่ได้ และอยู่เฉยต่อเรื่องนี้ไม่ได้ เราจะจับตาทุกคนที่จาบจ้วง จะล็อคเป้าทุกคน แต่จะใช้วิธีการเจรจาให้รู้ว่าแผ่นดินนี้อยู่รอดปลอดภัยเพราะสถาบัน ยืนยันว่าเราจะใช้วิธีอหิงสา และเราไม่นิยมใช้ความรุนแรง
ด้านนายแทนคุณ กล่าวว่า จะนำเรื่องนี้เสนอต่อประธานสภาฯต่อไป ยืนยันว่าเราจะพิจารณาข้อเสนอของทุกฝ่ายไม่มีการแบ่งแยก ซึ่งตนต้องขอบคุณทางกลุ่ม ศอปส. ที่เคลื่อนไหวชุมนุมครั้งนี้แบบสงบ สันติวิธี และแสดงออกถึงบุคคลที่กระทำผิดกฎหมาย ทางสภาฯจะใช้กลไกให้เกิดประโยชน์สูงสุด
จากนั้นในเวลาประมาณ 11.05 น. ทางกลุ่ม ศอปส. ได้รวมตัวกันร้องเพลงชาติไทย และเพลงสรรเสริญพระบารมี ก่อนที่จะแยกย้ายกันกลับ โดยไม่มีเหตุการณ์ความวุ่นวายใดๆเกิดขึ้น
ขณะที่ พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ อดีตกรรมการบริหารพรรครวมพลังประชาชาติไทย
เฟซบุ๊กระบุ ทำดีนั้นแสนยาก และว่าสื่ออ้างว่าผมเป็นแกนนำ ทั้งๆ ที่ทางฝ่ายที่มาชุมนุมจัดกันมาเองก่อนแล้ว เจ้าหน้าที่ก็น่าจะรู้ว่าแกนนำตัวจริงเป็นใคร เมื่อคืนก็มีผู้ใหญ่โทรมาหา ขอให้ผมพูดกับเด็กอาชีวะที่จะมาชุมนุม ให้ลดจำนวนลง ผมก็บอกว่าจะลองดู ผมได้พูดกับน้องๆ ซึ่งพวกเค้าก็ยอมลดลงไป 100 คน
เช้านี้เด็กอาชีวะและประชาชนที่มาชุมนุมหน้ารัฐสภา โทรบอกผมว่า เจ้าหน้าที่รัฐ หลายฝ่ายขอให้ถอยเพราะกลัวจะปะทะกับอีกฝ่ายหนึ่ง นอกจากนี้ยังให้ไปชุมนุมแบบหลบๆ ซ่อนๆ ทำให้คนที่จะมาร่วมหากันไม่เจอ ทั้งๆ ที่พวกเขาเป็นฝ่ายมาขอสถานที่ และขออนุญาตจากตำรวจก่อน
ผมก็บอกให้น้องๆ อดทน ยอมทำตามที่ตำรวจเสนอ เพราะทางตำรวจคงหวังดี ไม่อยากให้เกิดการยั่วยุ รุนแรง แต่ในส่วนลึกก็อดสงสารน้องๆ ไม่ได้ ทำไมไม่บอกฝ่ายโน้นให้ลดคนบ้าง เป็นคนดีมันลำบากจริงๆ ผมต้องขอร้องเด็ก ให้ยอมหน่อย เห็นแก่ความสงบของชาติบ้านเมือง และคราวหลังไม่ต้องทำอะไรแล้ว มันจะเป็นอะไรก็ช่างหัวมัน บ้านเมืองไม่ใช่ของเราคนเดียว เป็นคนดีนี่มันแสนลำบากนะครับ"