ป๋าเปรมรับเช็คกรุงไทยไม่ได้เข้าบัญชีส่วนตัว แถมเป็นเรื่องเก่านานมาแล้ว แต่ที่น่าแปลกใจ คือ ทำไม 'พานทองแท้ ชินวัตร' ผิดคนเดียวทั้งๆ ที่คืนเช็คตั้งแต่วันแรกที่ได้รับ
พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ องคมนตรี ในฐานะประธานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ กล่าวถึงกรณีที่นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชายของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์เฟซบุ๊กกล่าวหา พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษว่านำเงินบริจาคมูลนิธิฯเข้าบัญชีตัวเองว่า ตอนนั้นตนยังไม่ได้ทำหน้าที่เป็นประธานมูลนิธิฯ ซึ่งเรื่องนี้ถือว่าเป็นเรื่องเก่า และเกิดขึ้นมานานมากแล้ว
ส่วนการตรวจสอบประเด็นดังกล่าวนั้นตนคิดว่าคงไม่ใช่เรื่องที่จะต้องตรวจสอบ เพราะว่าเรื่องเกิดขึ้นมาก่อนที่ตนจะเข้ามาทำหน้าที่ประธานมูลนิธิฯ ส่วนที่มีการพาดพิง พล.อ.เปรม นั้น ทราบว่าทาง พล.ท.พิศณุ พุทธวงศ์ หัวหน้าสำนักงานมูลนิธิรัฐบุรุษ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษ และนายทหารคนสนิท พล.อ.เปรมได้ชี้แจงประเด็นดังกล่าวไปแล้วเรียบร้อย ซึ่งก็เป็นไปตามนั้น
เมื่อถามว่า มองว่าเป็นการนำเรื่องการเมืองมาโจมตี พล.อ.เปรม และจะมีการดำเนินการฟ้องร้องตามกฎหมายหรือไม่ พล.อ.สุรยุทธ์ปฏิเสธที่จะตอบคำถามดังกล่าว
ในประเด็นเดียวกัน นายวัฒนา เมืองสุข แกนนำพรรคเพื่อไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า "ดีเอสไอว่าไง"กรณีที่ นายพานทองแท้ ชินวัตร บุตรชาย นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ เผยแพร่ภาพเช็คที่สั่งจ่ายเงินให้ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ประธานองคมนตรีและรัฐบุรุษและ พล.ร.ท.พะจุณณ์ ตามประทีป อดีตนายทหารคนสนิท
ซึ่งนายทหารคนสนิทของ พล.อ.เปรม ออกมายอมรับว่าเช็คดังกล่าวเป็นเช็คที่จ่ายเพื่อการกุศล พล.อ.เปรมจึงได้สลักหลังเช็คนำเข้าบัญชีมูลนิธิโดยไม่ได้นำไปใช้เพื่อการส่วนตัวนั้น เช็คทั้งสองฉบับสั่งจ่ายจากบัญชีเดียวกันกับที่จ่ายให้กับนายพานทองแท้ เพื่อลงทุนทำธุรกิจร่วมกัน แต่ในที่สุดไม่ได้ทำ นายพานทองแท้จึงได้คืนเงินให้นายวิชัย ประเด็นของนายพานทองแท้คือเหตุใดดีเอสไอจึงดำเนินคดีกับนายพานทองแท้เพียงคนเดียว แต่ละเว้นที่จะดำเนินคดีกับพล.อ.เปรมและพล.ร.ท.พะจุณณ์ ทั้งที่ได้รับเช็คจากนายวิชัยเหมือนกัน
นายวัฒนา ระบุต่อว่า ส่วนที่ พล.ท.พิศณุ แถลงว่าเป็นการบริจาคเพื่อการกุศลนั้น หาได้เป็นข้อยกเว้นความผิดอาญาฐานฟอกเงินไม่ เพราะการนำเช็คเข้าบัญชีคือการรับโอนหรือเปลี่ยนสภาพครบองค์ประกอบความผิดฐานฟอกเงินแล้ว เช่น ที่สหกรณ์คลองจั่นได้บริจาคเงินให้กับวัดพระธรรมกาย ที่ทั้งผู้บริจาคและผู้รับบริจาคต่างถูกดำเนินคดีฐานฟอกเงินเช่นกัน ข้อยกเว้นที่จะทำให้ผู้รับเช็คไม่ตกเป็นผู้กระทำความผิดคือไม่ทราบว่าเป็นเงินที่ได้มาจากการกระทำความผิด ซึ่งเป็นข้อต่อสู้ของนายพานทองแท้ต่อดีเอสไอ
ท้ายสุดอธิบดีดีเอสไอออกมาแถลงว่าการสั่งจ่ายเช็ครายที่มีมูลหนี้ต่อกันจริงๆ เช่น ชำระเป็นค่าที่ดิน ดีเอสไอก็ไม่ได้แจ้งข้อกล่าวหานั้น ช่วยตอบหน่อยว่าการบริจาคเงิน 250,000 บาท หรือการจ่ายเช็คให้พล.ร.ท.พะจุณณ์ 100,000 บาท มีมูลหนี้ต่อกันอย่างไร โดยเฉพาะการบริจาคที่กฎหมายถือเป็นการให้ซึ่งจะสมบูรณ์ได้ด้วยการส่งมอบตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์มาตรา 523 ก่อนการบริจาคจึงไม่อาจมีมูลหนี้ใดๆ ต่อกันได้เลย แก้ตัวให้ดี ทั้งสังคมกำลังจับตา อย่าสองมาตรฐานจนเคยตัว