โดยปกติแล้ว แต่ละครัวเรือนผลิตขยะมากกว่าสองกิโลกรัมภายในหนึ่งวัน ซึ่งแม้ว่าจะมีความพยายามที่จะรีไซเคิลแล้ว แต่ขยะส่วนใหญ่ยังคงต้องไปกองรวมกันอยู่ที่หลุมฝังกลบเพื่อรอให้ย่อยสลาย หนุ่มอังกฤษจึงประดิษฐ์เครื่องย่อยขยะในบ้านให้กลายเป็นเชื้อเพลิง เพื่อช่วยลดปริมาณขยะของแต่ละบ้าน
นิค สเปนเซอร์ นักประดิษฐ์ชาวอังกฤษ ได้คิดค้นวิธีการเปลี่ยนขยะภายในบ้านให้กลายเป็นเชื้อเพลิงด้วยเครื่อง Home Energy Resrouces Unit หรือ HERU โดยเครื่องนี้สามารถย่อยสลายวัตถุได้หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นวัสดุออร์แกนิกอย่างอาหาร รวมไปถึงสิ่งที่รีไซเคิลได้ยากอย่างถ้วยกาแฟ สิ่งที่มีอาหารปนเปื้อน และผ้าอ้อมเด็ก
เมื่อใส่วัตถุที่ต้องการลงในเครื่อง ระบบจะทำให้ขยะเหล่านั้นแห้งด้วยความร้อน 100 องศาเซลเซียส ก่อนจะอบให้ร้อน และนำมาย่อยสลายให้กลายเป็นเชื้อเพลิงสำหรับอุปกรณ์ทำความร้อนภายในบ้าน โดยเครื่องนี้ไม่สามารถย่อยสลายโลหะและแก้วได้ นอกเหนือจากนั้น HERU สามารถย่อยสลายได้หมด รวมถึงพลาสติก
โดยพลาสติกสร้างความเสียหายเป็นอย่างมากให้กับโลก เพราะกว่าจะได้พลาสติกแต่ละชิ้น ต้องใช้โพลีเมอร์ ซึ่งเป็นสารที่มีโมเลกุลขนาดใหญ่ มาทับซ้อนกันหลายชั้น ส่งผลให้ต้องใช้เวลาและเงินจำนวนไม่น้อยในกระบวนการรีไซเคิล แต่เครื่อง HERU จะช่วยย่อยสลายพลาสติกที่มนุษย์สร้างขึ้น ให้กลับสู่สภาพดั้งเดิม นั่นก็คือการเป็นแหล่งเชื้อเพลิง ซึ่งเราสามารถนำมาใช้ต้มน้ำไว้ใช้ภายในบ้านได้
เครื่องต้นแบบ HERU มีขนาดใกล้เคียงกับเครื่องซักผ้า สามารถบรรจุอาหารได้ 7 กิโลกรัม หากเป็นวัตถุอื่น ๆ จะใส่ได้ราว 4 กิโลกรัม โดยหลังจากผ่านกระบวนการแล้ว ส่วนที่เป็นก๊าซจะถูกส่งไปยังเตาซึ่งอยู่ใต้ท่อเหล็กที่ใช้ในกระบวนการเผาไหม้ ขณะที่วัตถุที่เหลือจากการเผาไหม้จะมีลักษณะคล้ายถ่าน ซึ่งมีอุณหภูมิราว 400 องศาเซลเซียส และเมื่อไปผสมกับอากาศจะเกิดปฏิกิริยาคลายความร้อนขึ้น โดยพลังงานที่คลายออกมานี้จะผ่านอุปกรณ์แลกเปลี่ยนความร้อน และจะถูกกรองให้สะอาด ก่อนจะถูกนำมาอัดและเก็บไว้ให้พร้อมสำหรับการนำไปใช้ในกระบวนการสันดาปในเตาต่อไป
สเปนเซอร์ให้ข้อมูลว่า แต่ละบ้านทิ้งขยะเฉลี่ย 2 กิโลกรัมครึ่งต่อวัน ซึ่งขยะปริมาณเท่านี้สามารถนำมาสร้างพลังงานในการต้มน้ำได้ราว 44 เปอร์เซ็นต์ด้วยสิ่งประดิษฐ์ของเขา
ปัจจุบัน HERU กำลังอยู่ระหว่างการทดลองและเก็บข้อมูล โดยเตรียมจะนำมาทดสอบในบางพื้นที่ของอังกฤษภายในปีนี้ ซึ่งบริษัทหวังว่าจะสามารถเปิดตัวอย่างเป็นทางการได้ในปี 2020 โดยจะมีราคาราว 4,000 ปอนด์ หรือประมาณ 175,000 บาท