งานวิจัยของบริษัทสวัสดิการสาธารณสุขในอังกฤษพบว่า การเรียนรู้ 'คุณภาพชีวิต' หรือ Wellbeing เป็นเรื่องสำคัญ และควรถูกจัดเป็นวิชาเรียนในโรงเรียน
บริษัทสวัสดิการสาธารณสุขไม่แสวงผลกำไร 'นัฟฟิลด์ เฮลท์' ในอังกฤษ พบว่า 'คุณภาพชีวิต' หรือ Wellbeing ควรถูกจัดเป็นวิชาเรียนในโรงเรียน หลังทำการศึกษาโดยการทดลองเข้าไปสอนวิชาสุขภาพจิตและคุณชีวิตในโรงเรียนมัธยมออกซฟอร์ดเชอร์ เป็นเวลานาน 2 ปี และทำให้ได้ข้อสรุปว่าตำแหน่ง Matron หรือ ครูผู้ดูแล ในโรงเรียนระบบอังกฤษนั้น ควรถูกแทนที่ด้วยด้วยตำแหน่ง Heads of Wellness หรือ ครูด้านคุณภาพชีวิต
อีกหนึ่งโครงการนำร่องที่โรงเรียนมัธยมกรีนวูดก็ได้ข้อสรุปเช่นเดียวกัน โดยพบว่านักเรียนมีพลังกับการเรียนมากขึ้น ขณะเดียวกันก็มีความผ่อนคลาย และมีศักยภาพในการรับมือกับปัญหาได้ดีขึ้นด้วย ทำให้ทางโรงเรียนตัดสินใจเพิ่มวิชาคุณภาพชีวิตลงไปในหลักสูตรอย่างถาวร
ตัวเลขที่น่าสนใจคือพบว่า นักเรียนบริโภคผลไม้โดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 48% และบริโภคผักโดยเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 59% ขณะที่ ครูในโครงการนี้ก็มีการบริโภคผลไม้และผักเฉลี่ยเพิ่มขึ้น 7 และ 13% ตามลำดับ ซึ่งตอนนี้มีแผนงานด้านคุณชีวิตระยะเวลา 6 สัปดาห์ให้โรงเรียนในอังกฤษนำไปใช้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายแล้ว โดยจะเสนอแนะว่าเด็กควรบริโภคอะไร กำลังกายมากเท่าไร และควรมีเวลา 'การดูจอ' หรือ Screen Time ประมาณเท่าใดด้วย