นายกรัฐมนตรี โต้กระแสวิจารณ์ ดูดนักการเมืองตั้งพรรคทหาร บอกกันชัดๆๆไม่ใช่เครื่องดูดฝุ่น ดูดนักการเมืองตามเสียงวิจารณ์
ก่อนการเป็นประธานประชุมคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และคณะรัฐมนตรี (ครม.) พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. ตอบคำถามผู้สื่อถามถึงกรณีได้ยินเสียงของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) หรือไม่ที่ระบุว่า คสช.เดินสายใช้พลังดูด กับอดีตนักการเมืองโดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่อ
โดยนายกฯกล่าวด้วยสีหน้าเรียบเฉยว่า “ไม่ได้ยิน ฉันไม่ใช่เครื่องฝุ่น วิพากษ์วิจารณ์ไปซิ ฉันไม่สนใจอยู่แล้ว ทำงานอย่างเดียวไม่เกี่ยวกัน” พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกครั้ง หลังประชุมคณะรัฐมนตรี ว่าขณะนี้ คสช. เดินสายใช้พลังดูดโดยใช้ตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีเป็นตัวล่อ และห้ามนักธุรกิจใหญ่ให้ความร่วมมือกับพรรคการเมือง ว่าบอกไปแล้วว่า ไม่ใช่เครื่องดูดอากาศหรือเครื่องดูดฝุ่น และจะเอาอำนาจอะไรไปบังคับใคร รวมถึงการที่นักธุรกิจจะสนับสนุนพรรคการเมืองจะทำได้หรือไม่นั้นต้องดูกฎหมายว่าทำได้หรือไม่ ตนไม่ต้องไปห้ามหากกฎหมายบอกว่าทำไม่ได้ก็ทำไม่ได้ ซึ่งได้มีการตรวจสอบเรื่องเหล่านี้อยู่
ส่วนที่มีการวิจารณ์กันกันว่า ตระกูลชิดชอบ จะเป็นคิวต่อไปที่ถูก คสช. ดูดนั้น ตนไม่อยากให้คำนี้ตามนักการเมืองหรือพรรคการเมือง เพราะการกล่าวว่าใครดูดใคร ต้องดูว่าผลงานของพรรคการเมืองที่ผ่านมาเป็นอย่างไร ได้นำความต้องการของประชาชนไปสู่การขับเคลื่อนหรือไม่ ซึ่งเข้าใจว่านักการเมืองทุกคนอยากเข้ามาทำเพื่อบ้านเมือง แต่ติดที่นโยบายพรรคหรือนโยบายหัวหน้าพรรค แต่รัฐบาลคสช. ไม่มีใครมีบทบาทเหนือเราในเรื่องนี้ จึงสามารถทำงานต่างๆ อย่างอิสระ
อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการลงพื้นที่จ.บุรีรัมย์ เป็นการลงพื้นที่ตามปกติ ไม่พบใครเป็นการส่วนตัวและไม่พบใครในที่รโหฐาน แต่พบในพื้นที่กว้างๆ พบร่วมกันกับประชาชนทั่วไป ส่วนใครจะมาต้อนรับก็เป็นเรื่องเจ้าบ้านที่ดี แต่ตนไม่ได้ไปตกลงการเมืองกับใครทั้งสิ้น ไม่สามารถตกลงกับใครได้เพราะยังไปไม่ถึงตรงนั้น เป็นเรื่องกระบวนการทางการเมือง อย่าเอาตนไปเกี่ยวข้อง
"ใครจะดูดหรือถูกดูดเป็นเรื่องของเขา ท่านก็ดูแลสมาชิกของท่านให้ดีที่สุด ผมเคยฟังนักการเมืองพูดมาว่า การเป็นรัฐบาลเข้ามาบริหารประเทศ ก็อยากทำตลอด 4 ปีตามอายุรัฐบาลแต่มันทำไม่ได้มากนัก เพราะสองปีแรกยังทำดีอยู่ พอปีที่สองไปแล้วทำไม่ค่อยได้เพราะต้องเตรียมตัวยุบสภา เขาพูดกับผมแบบนี้เลย
ดังนั้นต้องร่วมมือกันให้ได้ทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้าน ประชาธิปไตยต้องดูเสียงส่วนใหญ่และเสียงส่วนน้อย ต้องทำให้ประชาชนในพื้นที่ของฝ่ายค้านได้ประโยชน์ไปด้วย เพราะหลายคนโทษกันไปมาว่ารัฐบาลตัดงบฯไปพื้นที่ต่างๆ และที่ผ่านมาไปเดินสายหาเสียงยังไม่ได้เลย แล้วมันเป็นไปได้ไหมที่จะพัฒนาประเทศ ดังนั้นขอร้องรัฐบาลหน้าทั้งฝ่ายค้านและฝ่ายรัฐบาลต้องร่วมมือกัน ให้ประชาชนทั้งประเทศได้ประโยชน์ ไม่ใช่พื้นที่ฝ่ายรัฐบาลอย่างเดียว ดังนั้นใครจะทำงานการเมืองไม่ต้องกลัวว่าจะเลือกตั้งเมื่อใด แต่อยู่ที่จะบริหารราชการแผ่นดินอย่างไรให้โปร่งใสและเป็นธรรม ย้ำว่ารัฐบาล ไม่ใช่คู่ขัดแย้งของใคร แต่เป็นคนกลางทั้งรัฐบาลและฝ่ายค้านในอดีตจนเข้ามาในสถานการณ์วันนี้ ไม่ว่าใครจะเป็นรัฐบาลก็ต้องร่วมมือกันให้ได้"พล.อ.ประยุทธ์ กล่าว
เมื่อถามว่ามีความอึดอัดใจหรือไม่ ที่หลายฝ่ายเสนอให้เป็นนายกฯต่อ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า รู้สึกเฉยๆ เพราะยังไม่ตอบรับใคร เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าไม่ปฏิเสธใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวว่า ไม่รู้ และไม่ร่วมกับพรรคไหน เพราะไม่ว่าจะเป็นอะไรตนต้องอยู่ตรงกลางให้ได้ โดยเอาทุกคนมาร่วมกันบริหารประเทศให้ได้ด้วยกลไกประชาธิปไตย แต่จะไปตรงนั้นได้อย่างไรก็ยังไม่รู้ เชื่อว่านักการเมืองหลายคนอยากทำความดีแต่ทำไม่ได้ เพราะถูกจำกัดด้วยนโยบายพรรคหรืออะไรต่างๆ ซึ่งตนไม่ได้รังเกียจนักการเมือง ใครแสดงบทบาทว่าจะร่วมพัฒนาประเทศไม่ทำการเมืองแบบเดิมๆ ตนก็ยินดีกับทุกคน
Source : Picture
http://www.thaigov.go.th