ช่วงนี้หลายคนเริ่มต้นปีใหม่ด้วยการทำบุญตามวัดต่างๆ เพื่อเสริมสิริมงคล นอกจากนี้ยังรวมถึงการบริจาคเงินให้กับโรงพยาบาล สามารถนำไปลดหย่อนภาษีได้ถึง 2 เท่า ซึ่งเป็นอีกวิธีทำบุญที่หลายคนนิยมในช่วงนี้
กระทรวงสาธารณสุข เชิญชวนประชาชนร่วมทำบุญสร้างกุศลรับปีใหม่ 2562 หรือโอกาสพิเศษต่างๆ เช่น วันคล้ายวันเกิด หรือทำบุญเพื่ออุทิศส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ ที่โรงพยาบาลใกล้บ้าน เพื่อช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ และยังเป็นการช่วยพัฒนา���รงพยาบาลให้มีเครื่องมือที่ทันสมัยครบครันในการดูแลประชาชนในพื้นที่ นอกจากนี้ยังสามารถนำไปหักลดหย่อนภาษีได้ 2 เท่า โดยกระทรวงสาธารณสุขร่วมกับกรมสรรพากรออกแบบระบบ e-Donation รองรับให้เกิดความโปร่งใส ตรวจสอบได้ และอำนวยความสะดวกสำหรับผู้ที่จะบริจาคเงินให้โรงพยาบาลของรัฐต่อไป
สำหรับพระราชกฤษฎีกาว่าด้วยการยกเว้นรัษฎากร (ฉบับที่ 663) พ.ศ. 2561 ระบุว่า 1. บุคคลธรรมดา ให้หักลดหย่อนได้เพิ่มอีก 1 เท่า รวมหักได้เป็นจำนวน 2 เท่าของจำนวนเงินที่บริจาค แต่เมื่อรวมกับการบริจาคเพื่อสนับสนุนการศึกษาแล้ว ต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของเงินได้พึงประเมินหลังจากหักค่าใช้จ่ายและหักลดหย่อนอื่นๆ 2. บริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล ให้หักเป็นรายจ่ายเพิ่มอีก 1 เท่า รวมหักได้เป็นจำนวน 2 เท่าของรายจ่ายที่บริจาค ไม่ว่าจะได้จ่ายเป็นเงินหรือทรัพย์สิน แต่เมื่อรวมกับรายจ่ายที่จ่ายเป็นค่าใช้จ่ายเพื่อสนับสนุนการศึกษา และรายจ่ายที่กำหนดแล้วต้องไม่เกินร้อยละ 10 ของกำไรสุทธิก่อนหักรายจ่ายเพื่อการกุศลสาธารณะหรือเพื่อการสาธารณประโยชน์ และรายจ่ายเพื่อการศึกษาหรือเพื่อการกีฬา และ 3. ให้ยกเว้นภาษีเงินได้ ภาษีมูลค่าเพิ่ม ภาษีธุรกิจเฉพาะ และอากรแสตมป์แก่บุคคลธรรมดาและบริษัทหรือห้างหุ้นส่วนนิติบุคคล สำหรับเงินได้ที่ได้รับจากการโอนทรัพย์สิน หรือ การขายสินค้า หรือสำหรับการกระทำตราสารอันเนื่องมาจากการบริจาคข้างต้น
สำหรับผู้ที่สนใจจะบริจาคผ่านระบบ e-Donation สามารถบริจาคผ่าน "ธนาคารพาณิชย์" โดยใช้ QR code หรือ Bar Code แล้วแจ้งกับธนาคารว่า ให้ส่งข้อมูลการบริจาคให้กับกรมสรรพากรด้วย ซึ่งธนาคารพาณิชย์จะมี QR code รองรับ โดยผู้บริจาคเพียงมีชื่อบัญชีหน่วยรับบริจาค เช่น ชื่อบัญชีของสถานพยาบาล รวมไปถึงโรงเรียน มูลนิธิหรือวัดก็ได้ หรือสามารถบริจาคด้วยเงินสดผ่านสถานพยาบาล หน่วยรับบริจาคโดยตรงได้
แต่ในกรณีบริจาคให้สถานพยาบาลสถานศึกษา มูลนิธิ หรือวัดโดยตรง ผู้บริจาคต้องแจ้งเลขประจำตัวประชาชนให้บันทึกข้อมูลในระบบ หลังจากนั้น ผู้บริจาคก็สามารถเข้าไปตรวจสอบข้อมูลการบริจาค ในเว็บไซต์ของกรมสรรพากร ผ่าน www.rd.go.th หากบริจาคผ่านระบบคิวอาร์โค้ด สามารถตรวจสอบหลังบริจาคแล้ว 2 วันทำการ