ไทยกำลังพยายามผลักดันให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ จนอาจจะมากเกินกว่าจำนวนบุคคลากร และการให้บริการต่างๆที่มีอยู่ ทำให้เกิดภาวะนักท่องเที่ยวล้นประเทศอย่างที่กำลังเป็นอยู่ในขณะนี้
ทางการไทยยังคงเดินหน้าโปรโมทให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้ามาในไทยเพิ่มมากขึ้น เพราะว่าอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเป็นรายได้หลักอย่างหนึ่งของไทย ซึ่งเมื่อปีที่แล้วมีนักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางมาไทยมากถึง 34 ล้านคน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยว 2.51 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน GDP ของไทยซึ่งอยู่ที่ 14.36 ล้านล้านบาท มากถึง 17% และในบรรดานักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเมืองไทยทั้งหมด นักท่องเที่ยวจีนคือนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาไทยมากที่สุด ด้วยจำนวน 8 ล้าน 2 แสนคนเมื่อปีที่แล้ว ทำรายได้ให้ภาคการท่องเที่ยวไทยเป็นอันดับ 1 อยู่ที่ 440,000 ล้านบาท
สำนักข่าวบลูมเบิร์กก็วิเคราะห์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มมากขึ้นในแต่ละปี อาจจะมากเกินกว่าที่ระบบการให้บริการต่างๆในไทยจะรองรับได้ ยกตัวอย่างสนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมืองในปัจจุบันก็รองรับผู้โดยสารมากเกินกว่าระดับมาตรฐานที่ถูกออกแบบมาถึง 40% แม้ว่าขณะนี้ไทยจะทุ่มงบประมาณกว่า 170,000 ล้านบาท เพื่อก่อสร้างอาคารผู้โดยสารเพิ่มเติมเพื่อให้รองรับผู้โดยสารให้ได้มากขึ้นอีก 1 เท่าตัว ทั้งที่สนามบินสุวรรณภูมิและดอนเมือง แต่ว่าการก่อสร้างจะเสร็จสิ้นก็ต้องรอจนถึงปี 2022 ก็เลยทำให้ตอนนี้ มักเกิดเหตุการณ์ที่ผู้โดยสารต้องต่อคิวเพื่อรอตรวจหนังสือเดินทางเป็นเวลานาน
นักท่องเที่ยวที่เพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วก็ทำให้บริษัททัวร์ที่ให้บริการด้านการท่องเที่ยวต่างๆมีไม่มากพอที่จะรองรับ ก็เลยกลายเป็นช่องโหว่ให้ชาวต่างชาติเข้ามาเปิดบริษัททัวร์ เปิดโรงแรม ร้านอาหาร ร้านขายของฝาก เพื่อให้บริการนักท่องเที่ยวชาติเดียวกับตัวเองที่เดินทางเข้ามาในไทย ซึ่งเป็นปัญหาใหญ่ เพราะกลายเป็นว่ารายได้จากการท่องเที่ยวที่ควรจะไหลเข้าสู่ประเทศไทย กลับตกไปอยู่กับชาวต่างชาติ เราลองไปฟังเกี่ยวกับปัญหาเรื่องนี้ดู จากประธานชมรมมัคคุเทศก์ภาษาจีนกลางแห่งประเทศไทย
ตอนนี้รัฐบาลไทยกำลังพยายามเพิ่มรายได้จากการท่องเที่ยว เพื่อมาทดแทนเงินลงทุนจากต่างชาติ และก็รายได้จากการส่งออกที่ลดน้อยลง แต่ว่าการเชิญชวนให้นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศ ก็ควรที่จะพิจารณาความพร้อมในประเทศด้วย ว่ามีบุคคลากรหรือระบบการให้บริการต่างๆเพียงพอต่อจำนวนนักท่องเที่ยวหรือเปล่า เพราะไม่อย่างนั้นแล้ว ก็จะเปิดโอกาสให้คนต่างชาติเข้ามาแสวงหาผลประโยชน์จากการท่องเที่ยวในประเทศของเราได้