พรรคชาติไทยพัฒนา –ภูมิใจไทย ไม่กังวลพลังดูดพรรคทหาร ปักธง พร้อมเป็นเสาหลักการเมืองไทย
นายวราวุธ ศิลปอาชา แกนนำพรรคชาติไทยพัฒนา (ชทพ.) ให้สัมภาษณ์ว่า ขอยืนยันอย่างหนักแน่นว่า จะมุ่งมั่นทำงานการเมืองไทยต่อไป การเลือกตั้งครั้งหน้าใครจะเป็นหัวหน้าหรือกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ สมาชิกจะเป็นคนตัดสิน ตนในฐานะหนึ่งในร่มเงาของชทพ.ไม่จำเป็นต้องเป็นหัวหน้า เพราะถึงอย่างไรศิลปอาชาก็จะอยู่กับชทพ.ตลอดไป พวกเราทุกคนรวมไปถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นมา จะมุ่งมั่นต่อสนามการเมืองเพื่อพัฒนาให้พรรคเป็นอีกหนึ่งเสาหลักและเป็นความหวังของสังคมไทยในการเมืองยุคใหม่
ส่วนกรณีที่มีนักการเมืองเข้าไปร่วมกับรัฐบาลคสช.นั้น มองว่า เป็นนิมิตรหมายที่ดี เพราะตลอดเวลา 4 ปีที่ผ่านมา สังคมได้เห็นแล้วว่า การบริหารงานของคสช.อาจจะตรงแบบทหาร ทำให้ไม่มีความยืดหยุ่นในการแก้ปัญหารากหญ้า การที่นายกฯมีนักการเมืองเข้าไปช่วยให้คำปรึกษา รัฐบาลจะได้เข้าถึงประชาชนว่ามีความต้องการหรือมีความเดือดร้อนเช่นไร จะได้เห็นภาพจริงๆมากกว่า มีคนอื่นมาเล่าให้ฟัง
ส่วนเสียงวิจารณ์ที่มองว่าเป็นการขายตัวให้กับรัฐบาลคสช.หรือไม่นั้น นายวราวุธ กล่าวว่า คิดว่าแล้วแต่มุมมอง มองดีก็มองได้ มองไม่ดีก็ได้ วันนี้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นหัวเรือใหญ่ที่นำเรือออกทะเลไปแล้ว วันนี้เราไม่สามารถเปลี่ยนเรือได้ แต่สามารถเปลี่ยนวิธีการทำงานของเรือลำนี้ได้ การปรับเปลี่ยนเช่นนี้จะทำให้เรือไปถึงฝั่งด้วยความเข้มแข็ง ส่วนจะเป็นการต่างตอบแทนเพื่อสนับสนุนให้พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อหรือไม่ คิดว่าท้ายที่สุด ตัวเลขหลังการเลือกตั้งจะเป็นตัวตัดสินว่า การฟอร์มรัฐบาลจะเป็นอย่างไร วันนี้ได้แต่คาดการณ์ ยังไม่มีใครถามนายกฯว่าจะลงสมัครรับเลือกตั้งหรือไม่
ดังนั้น คิดว่า นาทีนี้ไม่ใช่ผลประโยชน์ต่างตอบแทน แต่เป็นการเพิ่มศักยภาพการทำงานของรัฐบาลมากกว่า ส่วนเรื่องการดูดส.ส.ก็เป็นเรื่องปกติของการเลือกตั้ง มีออกและมีเข้า มีเข้าและมีออกอยู่ตลอด แต่ที่แน่ๆ ชทพ.จะปักธงบนแผนที่ของประเทศไทยทุกภาคหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน
นายวราวุธ กล่าวด้วยว่า ในฐานะที่เป็นนักการเมืองยังคาดหวังว่าโรดแมปการเลือกตั้งจะเป็นไปตามที่รัฐบาลได้วางไว้ คือ กุมภาพันธ์ 2562 ขณะเดียวกัน การยืนยันความเป็นสมาชิกภาพของชทพ. รวมไปถึงการเตรียมการต่างๆ อาทิ ทุนประเดิม 1 ล้านบาท หรือ การเตรียมผู้สมัครในแต่ละพื้นที่แล้ว ซึ่งทุกพรรคการเมืองก็ขยับแล้วเช่นกันเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับเดือนกุมภาพันธ์ 2562ที่กำลังจะมาถึง
นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ภายหลังเข้าร่วมงานทำบุญครบรอบ 2 ปี นายบรรหาร ศิลปอาชา อดีตนายกรัฐมนตรีที่ถึงแก่อนิจกรรม ว่า นายบรรหาร อดีตนายกฯที่นักการเมืองทุกคนเคารพ คนรุ่นตนเข้าสภา ก็ได้รับคำแนะนำที่มีคุณค่าจากนายบรรหาร จึงถือเป็นความจำเป็นที่ต้องมาร่วมงานทำบุญโดยไม่มีนัยทางการเมืองใดๆ ไม่มาเคลียร์ใจกับนายวราวุธ ศิลปอาชา เพราะที่คุยๆ กันไม่มีกรณีที่พรรคภูมิใจไทยไปดึงตัวคนของชาติไทยพัฒนามา เรามีความสัมพันธ์ที่ดีมาโดยตลอด ถือเป็นพรรคพี่พรรคน้องคุยกันรู้เรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะฮั้วกัน
ส่วนกรณีที่มีข่าวระบุว่านายศิริวัฒน์ ขจรประศาสน์ อดีตส.ส.พิจิตร จะไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทยนั้น ก็มีคนที่รับผิดชอบไปคุยมา แต่ยังไม่มีอะไรมาก เพราะต้องรอวันเลือกตั้ง ที่ผ่านมามีคนนำรายชื่ออดีต ส.ส.มาให้ตนพิจารณาสัปดาห์ละ 50-60 คน พร้อมบอกว่าได้เป็นส.ส.แน่ หากตนเชื่อพรรคภูมิใจไทยคงมีส.ส.ไม่ต่ำกว่า 2,000 คนแล้ว ดังนั้น ทั้งหมดยังเป็นแค่การคาดการณ์ เราจะทราบผลก็ต่อเมื่อนับคะแนนเสร็จ ส่วนการดึงตัวส.ส.ของพรรคภูมิใจไทยไปสังกัดพรรคการเมืองอื่นๆ นั้น จากการลงพื้นที่พบปะกับอดีตส.ส. ตนยังมั่นใจว่า จะอยู่กับพรรคต่อไป
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า ไม่มีความกังวล การรวมกลุ่มเพื่อเตรียมจัดตั้งพรรค เพราะหากไม่มีพรรคของคสช.ก็ยังต้องแข่งกับอีกหลายพรรค อีกทั้งตนมองว่าพรรคการเมืองของจริง อาทิ พรรคประชาธิปัตย์ พรรคเพื่อไทย พรรคภูมิใจไทย พรรคชาติไทยพัฒนา พรรคชาติพัฒนา ไม่มีพรรคไหนที่ไม่เคยเป็นพรรคฝ่ายค้าน และไม่มีพรรคไหนผ่านการเลือกตั้งโดยไม่แข่งขัน
ที่ผ่านมาช่วงพรรคภูมิใจไทยเป็นฝั่งรัฐบาล รับผิดชอบกระทรวงมหาดไทย, กระทรวงคมนาคม มีอำนาจรัฐเหมือนกัน แต่ยังไม่เข้าเป้า เพราะการแข่งขันจะขึ้นอยู่กับความเชื่อถือของประชาชนและนโยบาย รวมถึงความขยันของผู้ลงสมัคร เมื่อผลออกมาต้องยอมรับ การแข่งขันกันช่วงนี้ไม่มีพรรคไหนที่ได้เปรียบไปมากกว่ากัน ที่ผ่านมาหากคนที่บอกว่า ได้ส.ส. 50 คนหรือ 80 คน ทำไมต้องวิ่งร่วมกลุ่มกัน ไม่จัดตั้งเป็นพรรคการเมืองไปเลย เพราะ หากทำได้ง่ายจริง ตนก็จะขอไปลงสมัครด้วย