หลังจากที่นิวซีแลนด์ได้รัฐบาลชุดใหม่ ก็ได้ประกาศแผนล่าสุดในการผลักดันให้ประเทศเป็นเมืองสีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้ การใช้พลังงานทดแทน ตลอดจนการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น เพื่อความมั่นคงอย่างยั่งยืน
Jacinda Ardern (เจซินดา อาร์เดิร์น) นายกรัฐมนตรีคนใหม่ของนิวซีแลนด์ ที่เพิ่งเข้ารับตำแหน่งไม่กี่วันที่ผ่านมา ได้ประกาศแผนปฏิรูปประเทศใหม่ โดยเน้นในเรื่องของสิ่งแวดล้อม และผลักดันให้นิวซีแลนด์เป็นเมืองสีเขียว ด้วยการปลูกต้นไม้ ใช้พลังงานทดแทน และปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานให้ดีขึ้น รวมไปถึงยังได้ระบุแผนเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำ ห้ามชาวต่างชาติซื้ออสังหาริมทรัพย์เพื่อเก็งกำไร และแผนเปลี่ยนแปลงรูปแบบบของการเงินการธนาคารในประเทศด้วย
โดยแผนสิ่งแวดล้อมของเจซินดาคือการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้กลายเป็นศูนย์ภายในปี 2050 ปลูกต้นไม้ให้มากขึ้น 100 ล้านต้นต่อปีเพื่อสร้างอากาศบริสุทธิ์ และจะสร้างพลังงานไฟฟ้าจากพลังงานทดแทนเพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 85 เช่น จากพลังงานน้ำ ความร้อนใต้พิภพ และพลังงานลม และจะเพิ่มให้เป็น 100 เปอร์เซ็นต์ในปี 2035 และที่น่าสนใจคือจะนำแผงโซลาร์เซลล์ไปติดบนหลังคาของสถานที่สำคัญต่างๆ เช่นโรงเรียน เพื่อสร้างพลังงานที่ยั่งยืนในประเทศ
นอกจากนั้นเจซินดายังตั้งเป้าเพิ่มค่าจ้างขั้นต่ำเป็น 20 ดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 457 ต่อชั่วโมงในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า ซึ่งเท่ากับว่าเพิ่มขึ้นถึง 27 เปอร์เซ็นต์ของปัจจุบัน และยังเตรียมพิจารณาเรื่องความมั่นคงของการจ้างงานมนุษย์ในขณะที่เทคโนโลยีเข้ามามีบทบาทมากขึ้น และวางแผนใช้งบประมาณราว 1 พันล้านดอลลาร์นิวซีแลนด์ หรือราว 22,000 ล้านบาทต่อปี ในการปรับปรุงโครงสร้างพื้นฐานทั้งในเมือง และภูมิภาคเล็กๆในประเทศ ทั้งเรื่องของระบบรางรถไฟ และโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆด้วย
ทั้งนี้เจซินดา อาร์เดิร์น วัย 37 ปี เป็นนายกรัฐมนตรีหญิงคนที่ 3 ของนิวซีแลนด์ และถือว่าเป็นผู้นำรุ่นใหม่ไฟแรงที่อายุน้อยที่สุดในรอบ 161 ปี ซึ่งมีความคิดที่มองการณ์ไกล และมีกลุ่มผู้สนับสนุนที่เป็นคนรุ่นใหม่ในประเทศมากมาย