เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ เป็นความฉลาดที่สร้างขึ้นมาจากสิ่งที่ไม่มีชีวิต ซึ่งรวบรวมหลายๆองค์ความรู้ไว้ในสิ่งนั้น เพื่อให้ตอบสนองความต้องการของมนุษย์ ให้สามารถคิดและเป็นผู้ช่วยในด้านต่างๆได้ เช่น ระบบนำทางรถยนต์ไร้คนขับ, ระบบเสียงผู้ช่วยอัจฉริยะในสมาร์ทโฟน เป็นต้น ซึ่งในปัจจุบันเทคโนโลยีนี้ถูกพัฒนาให้มีความฉลาดมากขึ้น
ปัจจุบันเทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์หรือเอไอ ข้ามามีส่วนในการดำเนินชีวิตของมนุษย์มากขึ้น บางครั้งมนุษย์เราใช้ชีวิตกลมกลืนกับอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ จนเคยชินและไม่ทันสังเกตสิ่งที่เราทำเป็นประจำทุกวัน เช่นการค้นหาข้อมูลในกูเกิลหรือระบบคัดเลือกโฆษณาตามความสนใจของผู้ใช้งานบนโลกโซเชียลมีเดียต่างๆ ล้วนแล้วแต่ถูกวิเคราะห์ข้อมูลด้วยเอไอทั้งสิ้น มีบริการต่างๆ มากมายที่ใช้เทคโนโลยีดังกล่าว เช่น ระบบใช้เสียงพูดแทนการกดแป้นพิมพ์บนสมาร์ทโฟน, Chat Bot ที่สามารถพูดคุยและตอบคำถามลูกค้าแทน call center ได้, Google Photos ที่สามารถค้นหารายละเอียดของวัตถุและบุคคลในภาพของกูเกิล และ Google Translate ที่สามารถแปลภาษาข้ามไปมาได้ ล้วนใช้เทคโนโลยีเอไอเข้ามาช่วยวิเคราะห์เช่นกัน
คุณไมเคิล จิตติวาณิชย์ ผู้จัดการฝ่ายการตลาด กูเกิล ประเทศไทย มองว่าการทำเทคโนโลยีเอไอมาใช้กับภาคอุตสาหกรรม มีโอกาสเติบโตค่อนข้างสูง และเป็นโอกาสให้ผู้ประกอบการในภาคส่วนต่างๆได้ลองศึกษาปัญหาที่คิดว่าจะสามารถแก้ไขได้ด้วยเทคโนโลยีนี้ได้ เช่น ปัญหาที่พบในการจัดการกับข้อมูลบางอย่างที่มีจำนวนมาก ก็สามารถทำให้สะดวกและง่ายขึ้นด้วยเทคโนโลยีเอไอ
.
จากการที่ประเทศญี่ปุ่นมีการนำเอาเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในภาคอุตสาหกรรมการเกษตร ทางกูเกิลมองว่า ประเทศไทยเป็นประเทศที่มีการทำอุตสาหกรรมการเกษตรอย่างกว้างขวาง จึงมีความเป็นไปได้ที่จะนำเทคโนโลยี AI เข้ามาปรับใช้ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานได้เช่นกัน ซึ่งเทคโนโลยีนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าและลดต้นทุนแรงงานด้านการผลิตได้มากขึ้นด้วย