อ่านบทสัมภาษณ์วรเจตน์ ภาคีรัตน์ กับความหวังของเขาต่อสังคมไทยว่า ในความมืดอย่างที่สุด สุดท้ายมันก็จะต้องนำไปสู่ความสว่าง เพียงแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
จากบางส่วนของบทความ ศาสตราจารย์ ดร. วรเจตน์ ภาคีรัตน์กล่าวว่า
ในแง่ของสังคมโดยรวม ความรู้สึกมันก็มีตั้งแต่หลังออกเสียงประชามติแล้วที่ผมรู้สึกว่าบางอย่างอาจต้องปล่อยให้มันมีการตกผลึกกันในหมู่ของคน บางเรื่องก็รู้สึกหดหู่ เจ็บปวด ชีวิต ชะตากรรมของคนที่สู้ในประชาธิปไตย มันก็เจ็บแหละในด้านหนึ่ง
คนที่มีความคิดในทางก้าวหน้า คนที่อยากเห็นสังคมมันดำเนินไป พัฒนาไปเป็นสังคมซึ่งไม่ปิดศักยภาพของมนุษย์ ให้มนุษย์ได้แสดงออกในทางสติปัญญาได้อย่างเต็มที่เขาต้องรับรู้ได้อย่างแน่นอนว่าเพดานมันต่ำลง แม้กระทั่งเมื่อเทียบกับปี 2555 ซึ่งในตอนนั้นเป็นปีที่ผมถูกทำร้ายด้วย มาตอนนี้มันก็ยังต่ำลงไปอีก
แต่อันนี้ผมก็คิดว่ามันเป็นขั้นตอนที่ทุกสังคมต้องผ่าน มันจะมาเวลาไหนแค่นั้นเอง ถ้าจะนับว่าปี 2555 เป็นปีที่มืด ช่วงหลังนี้มืดมากกว่า
แต่ว่าชีวิตในสังคมมันไม่ได้มีมิตินี้อยู่มิติเดียว มันมีมิติอื่นๆ อีก และถ้าเราจะมองเพียงแต่มิตินี้อยู่อย่างเดียว เราจะต้องอยู่อย่างนี้ไปตลอดกาล แต่ว่าผมไม่เชื่อว่ามันเป็นอย่างนั้น ในความมืดอย่างที่สุด สุดท้ายมันก็จะต้องนำไปสู่ความสว่าง เพียงแต่ผมเองก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่
สามารถอ่านบทความทั้งหมดต่อได้ที่
Source:
https://thestandard.co/worachet-pakeerut/