ไม่พบผลการค้นหา
"จิรายุ" เตือนฝ่ายข้าราชการถอดชฎาก่อนมาชี้แจงของบประมาณจากกรรมาธิการ อย่าทำตัวเจ้ายศเจ้าอย่าง เสนอตัดงบบูรณาการที่ไม่จำเป็นออกไป ทำให้หลายหน่วยงานกลับไปทอดงบประมาณแผนบูรณาการออกจากการของบประมาณในครั้งนี้หลายหน่วยงาน

จิรายุ ห่วงทรัพย์ และธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ ส.ส.เพื่อไทย ในฐานะโฆษก กรรมาธิการงบประมาณปี 2565 แถลงความคืบหน้าประชุมกรรมาธิการงบประมาณปี 2565 โดยวันนี้ยังคงพิจารณางบของหน่วยงานในสังกัดกระทรวงการคลัง 

จิรายุ ย้ำการทำงานของกรรมาธิการซีกฝ่ายค้านจะเข้มข้นขึ้นและโหดระดับ 5 พร้อมเตือนไปยังฝ่ายราชการที่มาชี้แจงของบประมาณ ว่ามีความเจ้ายศเจ้าอย่างเปรียบติดชฎามาขอเงินภาษีประชาชน ที่พรรคการเมืองฝ่ายค้านได้ซักถามการของประมาณของกระทรวงการคลัง โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการบริหารหนี้สาธารณะ หรือสำนักงานกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ที่มีข้าราชการระดับสูงใช้คำพูดที่ไม่เหมาะสมว่า "ดิฉันไม่ใช่นักการเมือง" ซึ่งควรชี้แจงด้วยเหตุผล 

โดยจิรายุได้เสนอตัดงบประมาณของกระทรวงการคลังในงบบูรณาการ ทำให้หลายหน่วยงานได้ปรับปรุงแก้ไขถอดงบบูรณาการออกไป รวมถึงการพิจารณางบของสำนักคณะกรรมการกำกับนโยบายรัฐวิสาหกิจ ซึ่งควบคุมดูแลรัฐวิสาหกิจทั้งประเทศเกือบ 60 แห่ง ที่กรรมาธิการสอบถามถึงอำนาจในการตักเตือนลงโทษ หน่วยงาน รัฐวิสาหกิจที่ซ่อนเงินงบประมาณที่อยู่นอกเงินงบประมาณอย่างไร เช่นรัฐวิสาหกิจบางแห่งมีกำไรนับ 1แสนล้านบาท แต่กลับนำเงินไปลงทุนในส่วนของตนเอง แต่ส่งคืนคลังน้อย หรือ การเคหะแห่งชาติ, รถไฟฟ้าสายสีส้ม-สายสีเขียว บริษัททางด่วนกรุงเทพ

ธีรรัตน์ ระบุด้วยว่า กรรมาธิการได้มีข้อเสนอแนะต่อการจัดเก็บภาษีสั่งสัญญาณโทรศัพท์ของภาคเอกชนโดยให้มีการทบทวนนิยามคำว่า "สิ่งปลูกสร้างและการกำหนดมูลค่าฐานภาษี" ให้เหมาะสมตามพระราชบัญญัติที่ดินและสิ่งปลูกสร้างปี 2562 เนื่องจากว่า ในอดีตที่ผ่านมา เสาสัญญาณโทรศัพท์เคยต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน 

แต่ตามกฏหมายปัจจุบันเสาสัญญาณกลับไม่ถือเป็นสิ่งปลูกสร้างเพราะคนไม่สามารถเข้าไปใช้สอยได้โดยตรง จึงไม่ต้องเสียภาษีโรงเรือนและที่ดิน ซึ่งก่อนหน้านี้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถจัดเก็บรายได้จากการตั้งเสาสัญญาณโทรศัพท์ในพื้นที่เพื่อนำไปใช้ประโยชน์ต่อประชาชน 

ทั้งนี้ในวันนี้กรรมาธิการจะพิจารณางบประมาณในส่วนของสังกัดภายใต้กระทรวงการคลังในกลุ่มรัฐวิสาหกิจที่มีทั้งธนาคารของรัฐและบรรษัทประกันสินเชื่อ อุตสาหกรรมขนาดย่อม รวมถึงกองทุนการออมแห่งชาติ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ก็จะเข้าสู่การพิจารณางบประมาณของกระทรวงพาณิชย์ 2 หน่วยงาน คือสำนักปลัดกระทรวงพาณิชย์ และสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า