เพราะวันนั้น จะมีการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค “เต็มคณะ” มี พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ นั่งหัวโต๊ะ
บนข่าวกระเซ็นกระสายออกมาว่า 3 ป. ผู้ถือดุลอำนาจ ทั้ง พล.อ.ประวิตร พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รมว.มหาดไทย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม หมดความอดทนกับ ร.อ.ธรรมนัส
ภายหลังออกมาเปิดหน้า - อ้างชื่อ “พล.อ.ประวิตร” ให้ทำโพล คัดผู้สมัครลงเลือกตั้ง โดยเฉพาะภาคใต้
โดยผลโพลบอกว่าหลายคนสอบไม่ผ่าน มีโอกาสส่งเลือกตั้งแล้ว “สอบตก” เกินครึ่ง จนเกิดแรงกระเพื่อมภายในพรรค
ทว่า โพลดังกล่าวกลับกลายเป็นกลายเป็นปัญหาร้ายแรง เมื่อ “พล.อ.ประวิตร” ยืนยันดังๆเมื่อวันที่ 25 ต.ค.ที่ผ่านมาว่า ไม่ได้สั่ง
“ยังไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะตนยังไม่มีข้อสั่งการใดๆ”
“ขณะนี้ยังไม่ได้มีการประชุมพรรค และยังไม่มีการสั่งทำผลโพลสำรวจเพื่อวัดคะแนนความนิยมของพรรค หรือ ส.ส.ในพรรคแต่อย่างใด และขณะนี้ก็ยังไม่มีการเลือกตั้ง จึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องทำผลสำรวจออกมา”
หักหน้า “ร.อ.ธรรมนัส” อย่างจัง และในวันนั้นเอง หลังการประชุมคณะรัฐมนตรี พล.อ.ประยุทธ์ เรียกรัฐมนตรีระดับสายตรง - หัวหน้าก๊ก - กลุ่ม 6 คน ที่แสดงตัวเป็นพันธมิตรกับ พล.อ.ประยุทธ์ เข้าหารือ
ประกอบด้วย สุชาติ ชมกลิ่น รมว.แรงงาน ผู้มีเสียง ส.ส.ในมือทั้งในพรรค - นอกพรรคพลังประชารัฐ หลายราย
ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) ผูกโยงนายทุนใหญ่แบ็คอัพรัฐบาล และ 3 แกนนำกลุ่มสามมิตร สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม สมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.ยุติธรรม อนุชา นาคาศัย รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กับอีกหนึ่งสายตรง สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์ รองนายกฯ และรมว.พลังงาน
จากนั้น ปรากฏข่าวที่ลอยมาตามลมตลอดทั้งวันว่า 3 ป.เตรียมเขี่ย ร.อ.ธรรมนัส พ้นเลขาธิการพรรค โดยใช้สูตรเดียวกับที่เขี่ยกลุ่ม 4 กุมาร ที่มี “สมคิด จาตุศรีพิทักษ์” อดีตรองนายกรัฐมนตรี เป็นหัวหน้าทีม
คือ ให้กรรมการบริหารพรรคลาออกจากเก้าอี้เกินครึ่ง เพื่อเปิดทางให้เลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่
ส่องรายชื่อกรรมการบริหารพรรคชุดปัจจุบัน 26 คน ประกอบด้วย 1.พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่แบบไร้คู่แข่ง โดยมีการเสนอเพียงรายชื่อเดียว 2. ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า เป็นเลขาธิการพรรค 3.นฤมล ภิญโญสินวัฒน์ เป็นเหรัญญิกพรรค 4.บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ เป็นนายทะเบียนพรรค
ส่วนกรรมการบริหารพรรคอื่น จำนวน 22 คน เป็นคนที่ 5.สันติ พร้อมพัฒน์ 6.วิรัช รัตนเศรษฐ 7.ไพบูลย์ นิติตะวัน 8.สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ 9.สมศักดิ์ เทพสุทิน 10.อนุชา นาคาศัย 11.สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ 12.สุพล ฟองงาม 13.นิโรธ สุนทรเลขา 14.ไผ่ ลิกค์
15.สัมพันธ์ มะยูโซ๊ะ 16.ประภาพร อัศวเหม 17.ชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ 18.อิทธิพล คุณปลื้ม 19.สุชาติ ชมกลิ่น 20.ยงยุทธ สุวรรณบุตร 21.สุชาติ อุสาหะ 22.รงค์ บุญสวยขวัญ 23.จักรพันธ์ พรนิมิตร 24.สุรสิทธิ์ นิธิวุฒิวรลักษณ์ 25.อรรถกร ศิริลัทธยากร และ 26.สมเกียรติ วอนเพียร
ดังนั้น ต้องมีกรรมการบริหารพรรคลาออก 14 คน ขึ้นไป จึงเกิดสมมติฐานทางการเมืองจาก โหรการเมืองหลายค่ายจึงฟันธงไปในทิศทางเดียวกันว่า ร.อ.ธรรมนัส ไม่รอดแน่
26 ต.ค. พล.อ.ประวิตร และ รัฐมนตรีที่เข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์หลังประชุม ครม.หลายรายก็เริ่มยอมรับว่าจะมีการประชุมกรรมการบริหารพรรค
ฝุ่นตลบที่พลังประชารัฐตลอดทั้งวัน กระทั่งช่วงเย็นสถานการณ์เริ่มนิ่งขึ้น เคาะวันประชุมกรรมการบริหารพรรคแบบเต็มคณะได้ลงตัว ในวันที่ 28 ต.ค.นี้
ส่วนสถานที่จัดประชุมกรรมการบริหารพรรค ใช้ที่อาคารที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ ถนนรัชดาภิเษก ซึ่งเป็นของ “สันติ พร้อมพัฒน์” รมช.คลัง 1 ใน 6 ที่ พล.อ.ประยุทธ์เรียกพบ
หากยังจำกันได้ “สันติ” ถูกจารึกชื่อว่าเป็นหนึ่งในแก๊ง 4 ช. ที่มี ร.อ.ธรรมนัส เป็นหัวขบวน แต่หลังจากเกิดเหตุการณ์ “ลองของ” หวังล้มนายกฯ ในสภา กลางศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจ “สันติ” แยกตัวจาก ร.อ.ธรรมนัส สลับข้างไปอยู่ฝั่ง พล.อ.ประยุทธ์
ในช่วงฝุ่นตลบลองของนายกฯ ก็มีข่าวว่าพรรคพลังประชารัฐ เตรียมหาที่ทำการพรรคใหม่ ไม่ใช้ตึกยี่ห้อสันติ เป็นเจ้าของ และมีการย้ายการประชุม ส.ส.มาประชุมที่อาคารรัฐสภาแทน
ร.อ.ธรรมนัส ตอบคำถามนักข่าวในวันที่ชิงลาออกจากรัฐมนตรี แต่กลับถูกปลดกลางอากาศเสียก่อน ถึงเรื่องย้ายที่ทำการพรรคพลังประชารัฐ เมื่อวันที่ 9 ก.ย.ที่ผ่านมาว่า
“ไม่ไปเหยียบตรงนั้น ไม่ชอบ ไม่อยากฝืนใจตัวเอง”
ทว่านัดชี้ชะตา 28 ต.ค. ร.อ.ธรรมนัส กลับจัดที่ทำการพรรคของสันติ แล้ว ร.อ.ธรรมนัส ก็ต้องฝืนทนกลืนน้ำลาย เข้าไปที่ทำการพรรคนั้นทั้งที่ฝืนใจตัวเอง
เพราะเกมนี้เขาไม่ได้เป็นผู้กำหนดอีกต่อไป
“คงต้องปล่อยให้เป็นเรื่องของหัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารพรรคตัดสินใจ และรอการประชุมกรรมการบริหารพรรควันที่ 28 ต.ค. เวลา 13.30 น. เพื่อชี้แจงถึงกระแสข่าวต่างๆ ที่เกิดขึ้นให้ชัดเจน ผมจะเข้าร่วมประชุมด้วย” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
อย่างไรก็ตาม แคนดิเดต “พ่อบ้าน” พลังประชารัฐคนใหม่ สปอตไลต์ฉายไปที่ 2 ชื่อ คือ 'สันติ' และ 'สุริยะ'
28 ต.ค. ร.อ.ธรรมนัส เตรียมอัสดง ขณะที่ 'สามมิตร' คัมแบ็ก - 'สันติ' ผงาดเป็นเลขาธิการพรรคหรือไม่ อย่ากะพริบตา
ข่าวที่เกี่ยวข้อง