ไม่พบผลการค้นหา
เพื่อไทย จัดเสวนายัน แก้รัฐธรรมนูญคือทางออกของประเทศ ดันแก้ 256 ให้ ส.ส.ร. มาร่างรัฐธรรมนูญ ฉบับประชาชน-กันการทำรัฐประหาร ด้าน ‘สุทิน’ ชี้ อย่าอ้างว่า พท. เสนอแก้ รธน. อิง พปชร. เพราะ พท. เสนอก่อนมานานแล้ว พปชร. ต่างหากเสนอตาม พท. หวังผลให้ฝ่ายค้านแตกกัน

พรรคเพื่อไทยจัดการเสวนา “แก้รัฐธรรมนูญ แก้วิกฤตประเทศ? เพื่อไทย มีคำตอบ” โดยมีผู้ร่วมเสวนา คือ ศ. พิเศษ ชัยเกษม นิติสิริ ประธานคณะกรรมการการเมืองพรรคเพื่อไทย รศ.ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าและประธานคณะทำงานฝ่ายกฎหมายพรรคเพื่อไทย และสุทิน คลังแสง ส.ส. มหาสารคาม พรรคเพื่อไทย และประธานคณะกรรมการประสานพรรคร่วมฝ่ายค้าน (วิปฝ่ายค้าน)

ชัยเกษม BF0903B9-BFFB-434A-8004-56C62C79D400.jpeg

ชัยเกษม กล่าวว่า สาเหตุที่ต้องแก้รัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันมีปัญหาเรื่องที่มา ที่ก่อเกิดจากคณรัฐประหาร คสช. โดยประชาชนไม่มีส่วนร่วม แม้จะมีการทำประชามติ แต่ก็ทำภายใต้เงาของคณะปฏิวัติ โดยผู้ที่เห็นต่างไม่สามารถแสดงความคิดเห็นได้ บางคนถูกเรียกไปปรับทัศนคติ หรือถูกตักเตือน จึงเห็นได้ชัดว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้ไม่ได้มาจากประชาชน และไม่ได้รับความเห็นชอบจากประชาชนเช่นกัน ทั้งนี้ เมื่อนำรัฐธรรมนูญมาบังคับใช้ก็พบปัญหาหลายประการ โดยเฉพาะระบบการเลือกตั้งใช้บัตรใบเดียว มีการคำนวณ ส.ส. บัญชีรายชื่อแบบปัดเศษทำให้เกิดปัญหาการไม่ได้ผู้แทนแท้จริงจากประชาชน ส่วนตัวจึงเห็นด้วยว่าควรกลับไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบตามเดิม 

นอกจากนี้ ส.ว. ที่ได้รับการแต่งตั้งล้วนมาจากคณะปฏิวัติรัฐประหาร เข้ามาคุมการทำงานในสภา มีสิทธิ มีเสียงในกฎหมายสำคัญ แม้แต่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ ส.ว. ก็มีอำนาจค่อนข้างมากในการที่จะทำให้รัฐธรรมนูญผ่านหรือไม่ผ่าน เช่นเดียวกับการกำหนดให้มียุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี เพื่อให้รัฐบาลเดินตามยุทธศาสตร์นี้ ซึ่งไม่ตอบสนองกับการเปลี่ยนแปลงของโลก ถือว่าเป็นผลเสียต่อชาติและประชาชน จึงเห็นควรว่าให้ถอดยุทธศาสตร์ออกไป ส่วนเรื่องสิทธิเสรีภาพของประชาชน ในรัฐธรรมนูญกำหนดไม่ชัดเจน จึงเห็นปัญหาจากเรื่องการชุมนุมทางการเมืองที่มีผู้ถูกดำเนินคดีจำนวนมาก

ชัยเกษม ระบุเพิ่มเติมว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างมาให้แก้ไขยาก โดยเฉพาะต้องอาศัยเสียงของ ส.ว. ที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้งของประชาชน จึงมีความจำเป็นต้องเปลี่ยนแปลงให้แก้ไขได้ง่ายขึ้น และควรมี ส.ส.ร. ที่มาจากประชาชนเข้ามาร่างรัฐธรรมนูญ เพราะรัฐธรรมนูญที่ดีต้องมาจากประชาชนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับ ที่ผ่านมาประเทศไทยอยู่มาแบบถูลู่ถูกัง เพราะเมื่อมีรัฐบาล ก็มีคนไม่ชอบใจหาเรื่องทำปฏิวัติ รัฐประหาร และไม่ว่าจะเรียกยังไงก็คือ กบฏ แต่เมื่อดำเนินการยึดอำนาจสำเร็จก็ได้รับการยอมรับว่าการได้มาซึ่งประชาธิปไตย เป็นรัฏฐาธิปัตย์จะทำอะไรก็ได้ กลายเป็นรัฐบาลเป็นผู้นำประเทศ ตนจึงเสนอว่า ควรเพิ่มบทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ เป็นประเพณีการปกครองตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข คือ ต้องมีบทลงโทษเพื่อไม่ให้มีการปฏิวัติ เพราะถือเป็นกบฏ ต้องไม่ให้มีการสร้างอำนาจรัฏฐาธิปัตย์มาเขียนกฎหมายเพื่อนิรโทษกรรมความผิดตัวเอง เพราะความเป็นจริงประเทศจะเดินต่อไปได้ต้องปราศจากการปฏิวัติ และที่ผ่านมายังไม่เห็นเลยว่าคณะปฏิวัติชุดใดที่ทำประโยชน์ให้ประเทศชาติได้

ด้านชูศักดิ์ กล่าวว่า หากตั้งโจทย์ว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤติของชาติ แล้วเราจะแก้ปัญหาวิกฤติของชาตินี้อย่างไร เพราะรัฐธรรมนูญฉบับนี้มาจากการรัฐประหาร ทำให้เรามีกติกาที่ผิดเพี้ยนไปจากครรลอง เช่น นายกฯไม่จำเป็นต้องเป็น ส.ส. มีการแก้ระบบการเลือกตั้งให้กลายเป็นบัตรใบเดียวเพื่อให้พรรคการเมืองขนาดใหญ่ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยได้ ส.ส .ลดลง และให้พรรคการเมืองดำรงอยู่ด้วยการมีพรรคเล็กพรรคน้อยจำนวนมาก การให้ ส.ว. มาจากการสรรหาทั้งหมดโดยผู้ทรงคุณวุฒิ แต่การคัดสรรครั้งที่ผ่านมา ดูแล้วก็เห็นว่าไม่มีใครที่เป็นผู้ทรงคุณวุฒิเลย ดังนั้นที่กรรมการสรรหา ส.ว. จึงสรรหา อดีต คสช. อดีตนายทหาร อดีตนายตำรวจ และการเลือกนายกฯครั้งที่ผ่านมา 99.99% เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกฯ ขณะที่วางอายุ ส.ว. ไว้นานถึง 5 ปี แปลว่า ส.ว. ชุดนี้จะเลือกนายกฯได้ถึง 2 ครั้ง 

นอกจากนี้ เมื่อวานมีการประชุมวุฒิสภา ตนตกใจที่นายกฯ ถามว่ามี ส.ว. คนใดไม่เชื่อมั่นนายกฯ บ้าง ถ้ามีให้ยกมือ การประชุมสภาเขาให้พูดกับประธาน แต่นี่นายกฯ ทำตัวเป็นหัวหน้า ถาม ส.ว. โดยตรง แบบนี้ผิดข้อบังคับชัดเจน ดังนั้น เมื่อเราถือว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นวิกฤติของชาติ เราก็ต้องแก้ไข แต่การแก้ไขก็เป็นไปได้ยาก เพราะรัฐธรรมนูญเขียนไว้ให้แก้ไขยาก เช่น การที่ต้องให้มี ส.ว. จำนวน 1 ใน 3 เห็นด้วยกับการแก้ไข

อย่างไรก็ตาม แม้รู้ว่าการแก้ไขรัฐธรรมนูญทำได้ยาก แต่พรรคเพื่อไทยมีนโยบายมาตลอดว่าต้องการแก้รัฐธรรมนูญ โดยให้มี ส.ส.ร. มาร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เพื่อให้รัฐธรรมนูญเป็นฉบับของพี่น้องประชาชนโดยสมบูรณ์ เราก็มาดูว่าอะไรที่บกพร่อง และต้องเพิ่มเติม ก็ได้ออกมาเป็น 5 ร่างของพรรคเพื่อไทย ที่เพิ่มเติมเรื่องของสิทธิ และเสรีภาพของประชาชน เพิ่มเติมเรื่องหลักประกันสุขภาพ และสิทธิในการประกันตัว การยกเลิกการนิรโทษกรรม คสช. ป้องกันการรัฐประหารให้เกิดขึ้นได้ยากที่สุดในอนาคต ฯลฯ นี่คือการแก้ปัญหาเเฉพาะหน้า หากวันหนึ่งเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้น แต่ท้ายที่สุดแล้วการแก้โดนรวมคือการแก้ทั้งฉบับ

สุทิน C8A9E5D7-10C4-4A57-98C2-7489302878E7.jpeg

ขณะที่ สุทิน กล่าวว่า การแก้ไขรัฐธรรมนูญขณะนี้ คือการชิงจังหวะและโอกาสของนักการเมืองและประชาชนเพื่อให้ตัวเองมีอำนาจ ถือเป็นเกมที่ต้องชิงไหวชิงพริบ สับขาหลอกกันมาตลอด คนแก้ไม่ว่าจะในสภาฯ หรือประชาชนนอกสภาฯ ต้องศึกษาเกมนี้ดีๆ ใครที่ไม่ทันจะเสียเปรียบ โดยในวันนี้พรรคเพื่อไทยกำลังจะยื่นร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญแล้ว วันนี้กำลังจะเริ่มต้นใหม่ มีเกมที่เต็มไปด้วยการสับขาหลอก จึงขอเรียกร้องพรรคร่วมฝ่ายค้านต้องทันเกม เพราะเมื่อย้อนไปดูสองเดือนที่แล้วที่ร่างตก เราต้องมีบทเรียนว่าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ชิงยื่นแก้ไขร่างเองก่อนเลย ทั้งๆ เราอยากแก้มากกว่าด้วยซ้ำ 

ทั้งนี้ ใครที่กล่าวหาว่าพรรค พท. แก้ระบบเลือกตั้งเหมือนพรรค พปชร. นั้น ขอขีดเส้นใต้สามเส้นเลยว่าเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบนั้น เราตกผลึกมานานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พรรคพปชร. ต่างหากที่ทำเหมือนเรา ฉกเอาของเราไปยื่นก่อน ถามว่าทำไมเราต้องทิ้งของดีของเราด้วย จึงต้องขอความเป็นธรรมด้วย เรายื่นตามจุดยืนเดิม ส่วนที่มีร่างตรงกับพรรค พปชร. บางส่วน เช่น สิทธิเสรีภาพประชาชน เราเห็นว่าประชาชนถูกคุมคาม ต้องเร่งแก้

"ขอขีดเส้นใต้สามเส้นเลยว่าเรื่องบัตรเลือกตั้งสองใบนั้น เราตกผลึกมานานแล้ว ไม่ได้เปลี่ยนแปลง พปชร. ต่างหากที่ทำเหมือนเรา ฉกเอาของเราไปยื่นก่อน ทำไมเราต้องทิ้งของดีของเรา จึงต้องขอความเป็นธรรมด้วย เรายื่นตามจุดยืนเดิม" สุทินกล่าว

สุทิน กล่าวต่อว่า เราต้องหันมาดูว่าทำไมพรรค พปชร. ชิงยื่นร่างก่อน เพราะเมื่อพรรค พปชร. เปิดเรื่องบัตรสองใบขึ้นมา พรรคร่วมรัฐบาลทะเลาะกันเลย ฝ่ายค้านก็ทะเลาะกัน ต้องขอชมว่าคนยื่นเซียนมาก แต่ส่วนตัวเชื่อว่าเป็นการสับขาหลอก สุดท้ายพรรค พปชร. จะเอาบัตรเลือกตั้งใบเดียว ไม่เอาเรื่องบัตรสองใบหรอก แค่สะกิดให้ ส.ว. ตีตกก็จบ ส่วนที่บอกว่าเมื่อยื่นแก้ทั้งฉบับแล้วทำไมต้องยื่นแก้เป็นรายมาตรา ทำไมไม่รอสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) จริงๆ ตนอยากให้ ส.ส.ร. ทำทั้งหมด แต่ถ้ารอความต้องการของพรรคการเมืองทั้งหมดนั้นยาก ดังนั้นเฉพาะหน้าอะไรที่แก้ได้ขอแก้ก่อน รอ ส.ส.ร. ไม่ได้ โดยเฉพาะเรื่องการตัดอำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ ตามมาตรา 272 ที่ พล.อ.ประยุทธ์โม้ว่าจะอยู่ครบ ตนไม่เชื่อหรอก ใครที่คิดต่ออำนาจให้ พล.อ.ประยุทธ์ช่วยคิดให้ดี ดังนั้นเราต้องทำระบบเลือกตั้งใหม่ ตัดอำนาจ ส.ว. และเร่งคืนสิทธิพลเมืองให้ประชาชน ส่วนการผลักดันในสภฯ นั้น ยอมรับว่ายากมาก และรัฐบาลมี ส.ว. 250 คน ถ้ารัฐบาลจะเอาแบบไหน เราฝืนสู้ยาก แต่เราก็จะสู้ซึ่งประชาชนต้องช่วยด้วย เราต้องหวังให้มากและเอาเท่าที่ได้ โทนี่บอกกำขี้ดีกว่ากำตด รู้ว่ารบไม่ชนะ ก็รบตรงที่ชนะ บางเรื่องต้องรอไม่อย่างนั้นจะเสียไปทั้งหมด

"ไปคิดครับทุกท่าน ทำไมพลังประชารัฐหันมายื่นเรื่องบัตร 2 ใบ ผมคิดว่าเขาฉลาดมาก เพราะเปิดเรื่องนี้มาฝ่ายค้านทะเลาะกันเลย อ่อนแอเลย ในพรรคร่วมรัฐบาลก็ทะเลาะกัน เพราะเขาเปิดมาให้ระส่ำ แล้วก็กดให้อยู่ นี้ผมต้องชมนะว่าเขาเซียนนะ เกมเขาดีมาก ฉะนั้นใครที่เรียนรู้ไม่ทันตั้งหลักคิดนิดหนึ่ง แล้วเขาจะเอาจริงไหมบัตร 2 ใบ ในส่วนตัวผมเองคิดว่า นี่คือการสับขาหลอก สุดท้ายเขาไม่เอา หลอกให้เราทะเลาะกันเรื่องบัตร 2 ใบ คนนั้นจะเอาแบบ 40 คนนี้จะเอาแบบเยอรมัน สุดท้ายเขาพลิกกลับไปเอาใบเดียว"

สุทิน กล่าวอีกว่า บัตรใบเดียวตนรับไม่ได้ คราวก่อนเลือกตั้งกว่าจะประกาศผลดองไว้เกือบสองเดือน มีที่ไหนในโลก นอกจากประเทศสงคราม ด้อยพัฒนา ทิ้งช่วงจนบัตรออกลูก บัตรเขย่ง สุดท้ายได้พรรคเบี้ยหัวแตก ปัญหาไม่จบ ส.ส. บางคนหลุดแล้วก็กลับเข้ามาเป็น ส.ส. สองรอบสามรอบ ขณะที่รัฐธรรมนูญ 40 มีงานวิจัยรองรับว่าเป็นรับธรรมนูญดีที่สุด เหมาะกับสังคมไทย แต่ไปแก้กันเพราะต้องการโค่นล้มประชาธิปไตย โค่นพรรคใหญ่ จึงใช้บัตรใบเดียว พรรคใหญ่ก็หลุด มีแต่พรรคเล็กพรรคน้อยเต็มไปหมด คราวนี้ขอให้จับตาดูรัฐบาลสับขาหลอก ตนเชื่อว่าเลือกตั้งด้วยบัตรใบเดียวหมือนเดิม ที่สำคัญเราอย่าหลงทาง ไม่ใช่แค่ระบบเลือกตั้งที่ต่ออำนาจ แต่มาตรา 272 ที่ให้อำนาจ ส.ว. เลือกนายกฯ จุดนี้เราต้องล้มให้ได้เพราะเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกัน

ในตอนท้ายของการเสวนา สุทิน กล่าวย้ำอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้แก้ระบบเลือกตั้งเหมือน พรรคพลังประชารัฐและ พล.อ.ประยุทธ์ จะได้เป็นนายกฯ ต่อหรือไม่ขึ้นกับมาตรา 272 เท่านั้น ทั้งนี้ เราจะผลักดันกฎหมายประชามติให้ผ่านโดยเร็ว ถ้าสภาฯ รับหลักการ ครม. ก็ขัดขวางไม่ได้