รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 4 เมษายน 2563
นักวิเคราะห์ Talking Thailand ขยี้ศูนย์ต่อต้านเฟคนิวส์ บอกคนแชร์ข่าว “ม้าตาย” เป็นร้อยเพราะโรคระบาด ดันบอกข่าวปลอม สุดท้ายโดนแหก ต้องออกมาขอโทษ บอกเผยแพร่ข้อมูลผิด...แบบนี้เข้าข่ายออกข่าวปลอมเองหรือเปล่าเนี่ย!!!
“อ.วิโรจน์” มองรัฐบาลต้องเร่งแก้ทั้งสกัดโรคระบาดในคน และม้า แต่ที่ฮาไปกว่านั้นรัฐมนตรีที่ดูแล ยอมรับเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่!!! “รอประชุมวันพุธหน้า”
ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม เผยแพร่เอกสารชี้แจงข้อเท็จจริงโดยระบุว่า ทางศูนย์ขอแสดงความเสียใจ กับข้อมูลที่ได้เผยแพร่ออกไป / และชี้แจงว่า เนื่องจากทางศูนย์ ฯ ได้รับแจ้งเบาะแสจากประชาชน ในประเด็นที่มีการเผยแพร่บนโลกออนไลน์ที่มีเนื้อความระบุว่า “เผยผลตรวจม้าหัวหินตายเฉียบพลัน จากการลงพื้นที่สอบสวนเบื้องต้นและเก็บตัวอย่างมาตรวจ พบว่าเป็นการเสียชีวิตจากโรคกาฬโรคม้า”
ในวันที่ 2 เมษายน 2563 เวลา 16.38 น. ศูนย์ได้ประสานไปยังกรมปศุสัตว์ กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวและได้รับข้อมูลจากกรมปศุสัตว์ดังนี้ “กรมปศุสัตว์ ชี้แจงว่า หลังจากตรวจสอบพบว่า “กาฬโรคม้า”นั้น เป็นโรคอุบัติใหม่และยังไม่มีรายงานการเกิดโรคนี้ในประเทศไทย โดยข้อมูลประกอบพบรายงานการเกิดโรคนี้ในทวีปแอฟริกา ตะวันออกกลาง ประเทศอียิปต์ สเปน โปรตุเกส โมร็อกโค ปากีสถาน และอินเดีย เป็นส่วนใหญ่”
ดังนั้นในวันที่ 3 เมษายน 2563 เวลา 16.59 น.ทางศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ประเทศไทย จึงได้ดำเนินการเผยแพร่ข้อเท้จจริงตามที่กรมปศุสัตว์ชี้แจงตามช่องทางต่างๆ ของศูนย์ โดยตีความคลาดเคลื่อนจากข้อความที่ได้รับจากกรมปศุสัตว์ว่าเป็นข่าวปลอม....ซึ่งข้อเท็จจริง คือ “กาฬโรคม้า” นั้นเป็นโรคอุบัติใหม่และเพิ่งเกิดขึ้นในประเทศไทยครั้งนี้เป็นครั้งแรก
ทั้งนี้ ศูนย์ต่อต้านข่าวปลอม ชี้แจงว่าได้ปฏิบัติหน้าที่อย่างเคร่งครัดตามบทบาทและภารกิจและข้อเท็จจริงที่เผยแพร่ไปนั้นได้ผ่านการตรวจสอบข้อเท็จจริงอย่างถูกต้องตามกระบวนการจากหน่วยงานเครือข่ายที่เป็นหน่วย งานที่เกี่ยวข้องในแต่ละประเด็น ทางศูนย์จึงขอแสดงความเสียใจมา ณโอกาส นี้ และยืนยันอีกครั้งว่า ทางศูนย์ได้ดำเนินการด้วยความละเอียดรอบคอบ และคำนึงถึงมาตรฐานของกระบวนการตรวจสอบความจริงต่อไป
นายสมเกียรติ สุนทรพิทักษ์กุล ผู้อำนวยการกองคุ้มครองพันธุ์สัตว์ป่าและพืชป่า ตามอนุสัญญา (ไซเตส) กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากร ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีที่มีข่าวการล้มตายของม้าอย่างเฉียบพลัน ในพื้นที่ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา โดยสันนิษฐานว่าที่มาของโรคมาจากม้าลายหรือสัตว์ป่าที่นำเข้าจากทวีปแอฟริกานั้น
กรมอุทยานฯ ทำงานร่วมกับกรมปศุสัตว์ อยู่ระหว่างสำรวจสวนสัตว์ หรือสถานที่เพาะเลี้ยงต่างๆ ที่มีการนำเข้าสัตว์ป่าจากแอฟริกา ทั่วประเทศ โดยเฉพาะในพื้นที่ อ.ปากช่อง และเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากสารคัดหลั่งจากสัตว์โดยเฉพาะม้าลายมาตรวจสอบ ส่วนกรณีที่ระบุว่าม้าลายเป็นตัวแพร่เชื้อนั้น ยังเป็นเพียงข้อสันนิษฐาน
เพราะม้าลายที่มีอยู่ในพื้นที่ต่างๆ ไม่ได้มีอาการป่วย อีกทั้งม้าลาย ที่นำเข้ามาในประเทศล็อตสุดท้ายนั้นก็เข้ามาหลายปีแล้ว จึงยังฟันธงไม่ได้ว่าเป็นม้าลายแพร่เชื้อหรือไม่
ทั้งนี้ ที่ผ่านมาการนำเข้าสัตว์ป่าจากแอฟริกาต้องได้รับอนุญาตจากทั้งกรมอุทยานฯและกรมปศุสัตว์ และกักกันโรค ทั้งจากประเทศต้นทางและปลายทาง โดยสิ่งที่เป็นปัญหาคือม้าลายที่นำเข้า ไม่ได้มีตัวเลือกให้ระบุว่าเป็น “ม้าลาย” แต่ระบุว่าเป็น “ม้าธรรมดา” จึงทำให้มีปัญหาในการติดตาม
ทั้งนี้ในส่วนของม้าแข่งที่มีการตายลงนั้น ก็มีการนำไปแข่งหลายพื้นที่ทั้งในและนอกประเทศ การสืบหาสาเหตุต้นตอของจึงต้องทำโดยละเอียดต่อไป รายงานข่าวแจ้งว่า ที่ผ่านมาเจ้าหน้าที่กรมปศุสัตว์และกรมอุทยานฯ ได้เข้าตรวจสอบและเก็บตัวอย่างสารคัดหลั่งจากม้าลายและสัตว์ต่างถิ่น ในสวนสัตว์โบนันซ่า อ.ปากช่อง ซึ่งเป็นสถานที่หนึ่ง ที่ถูกระบุว่ามีสัตว์ป่าจากแอฟริกามาตรวจสอบ พบว่า สัตว์ในสวนสัตว์โบนันซ่าโดยเฉพาะม้าลาย นำเข้ามาหลายปีแล้ว และบางส่วนเป็นลูกม้าลายที่เกิดในประเทศ ซึ่งอยู่ระหว่างการรอผล อย่างไรก็ตามม้าลายเหล่านี้ไม่แสดงอาการป่วย
ขณะที่การนำเข้าสัตว์จากแอฟริกาล็อตล่าสุด คือกรณีของสวนสัตว์ซาฟารีเวิลด์ที่มีการเคลื่อนย้ายยีราฟจาก จ.ปราจีนบุรี และยีราฟหลุดหนีระหว่างเคลื่อนย้ายจนตายลงนั้น ซึ่งเหตุการณ์เกิดบนถนนสาย 304 ซึ่งห่างจากอ.ปากช่อง จึงไม่น่าจะเชื่อมโยงกันได้
นายสัตวแพทย์จามร ศักดินันท์ หัวหน้างานกลุ่มสุขภาพสัตว์ สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า กรณีพบม้าบริการนักท่องเที่ยวหาดหัวหินป่วยตายมากกว่า 10 ตัว ในหมู่บ้านบ่อนไก่-เขาพิทักษ์ เขตเทศบาลเมืองหัวหิน บ้านหนองพรานพุก ต.ทับใต้ ผลตรวจจากสถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติยืนยันว่า เกิดจากกาฬโรคในม้า ล่าสุดเจ้าหน้าที่ปศุสัตว์รับแจ้งว่ามีผู้พบซากม้า 1 ตัว บริเวณเขาแล้ง หมู่ 1 ต.ทับใต้ อ.หัวหิน จากการตรวจสอบสภาพเหลือแต่โครงกระดูก คาดว่าน่าจะมีการลักลอบเคลื่อนย้ายม้าที่ป่วยตาย มาจากจุดอื่นและนำมาทิ้งราวๆ 1–2 สัปดาห์ นอกจากนี้มีรายงานว่า พบม้าป่วยตายเพิ่มอีก 1 ตัว ในคอกฟาร์มเลี้ยงม้าขนาดใหญ่ของเอกชนรายหนึ่ง ใน อ.หัวหิน ซึ่งฟาร์มนี้มีม้ากว่า 90 ตัว
