รายการ Talking Thailand ประจำวันที่ 6 พฤศจิกายน 2562

“ปารีณา” โดดร่วม กมธ.ปราบโกง ติ “พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์” ใช้อำนาจเกินขอบเขต เพราะเป็น ส.ส.สมัยแรก อ่อนประสบการณ์นั่ง กมธ. โดนสวนกลับ ส.ส.หลายสมัยใช่ว่าทำงานเป็น ส่วน ส.ส.น้องใหม่ แต่กร่าง เอ้ย! แต่เก่งอย่าง “สิระ” ร่วมแจม บอกห่วง แต่เหน็บให้ “เสรีพิศุทธ์” ไปหาหมอตรวจสุขภาพกาย-จิตใจ-ความดัน

พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ เตมียาเวส ส.ส.บัญชีรายชื่อ และหน.พรรคเสรีรวมไทย ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ การป้องกันและปราบปรามการทุจริต และประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงกรณีที่ นายสิระ เจนจาคะ ส.ส.กทม.และ น.ส.ปารีณา ไกรคุปต์ ส.ส.ราชบุรี พรรคพลังประชารัฐ ขอสลับตำแหน่งใน กมธ.กับ ส.ส.พรรคเดียวกัน โดยทั้ง 2 จะขอเป็น กมธ. ป้องกันและปราบปรามการทุจริตฯ โดยระบุว่า อาจเข้ามาเพราะเล่นเกมการเมือง ไม่มีความรู้ในงานด้านนี้ เข้ามาทำงานได้ก็ทำ แต่หากทำไม่ได้ก็คงออกไปเอง 

ส่วนกรณี นายพยม พรหมเพชร ส.ส.สงขลา พรรคพลังประชารัฐ ที่ขอลาออก โดยให้เหตุผลว่าทนทำงานร่วมกันไม่ได้ เพราะ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ มุ่งเเต่เรื่องการเมือง เเละการโจมตีรัฐบาล เเละบางคนก็ระบุว่าเป็น ส.ส.สมัยเเรก ไม่เข้าใจระบบการทำงาน ซึ่ง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ชี้เเจงว่า เเม้เป็น ส.ส.สมัยเเรก เเต่ก็เคยดำรงตำเเหน่งผู้บัญชาการตำรวจเเห่งชาติมาก่อน ดังนั้นเรื่องป้องกันเเละปราบปรามการทุจริตหรือประพฤติมิชอบ มีประสบการณ์มาก ในทางกลับกัน ส.ส.หลายสมัย ไม่ได้หมายความว่าจะทำงานได้ดี

ก่อนหน้านี้ น.ส.ปารีณา ระบุว่า พร้อมเข้าไปทำงานในคณะกรรมาธิการ โดยจะพิจารณาว่าที่ผ่านมา พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ ใช้อำนาจเกินขอบเขตหรือไม่ เพราะเห็นว่า เป็นความอ่อนประสบการณ์ของ ส.ส. สมัยแรก ไม่สามารถทำหน้าที่เป็น กมธ.ได้ และใช้อำนาจมากเกินไป ส่วนตัวเต็มใจจะทำหน้าที่ โดยการเข้ามาเป็น กมธ.ชุดนี้ มาจากความเห็นของ ส.ส.ด้วยกัน ไม่ได้เป็นยุทธศาสตร์ของพรรคพลังประชารัฐ

น.ส.ปารีณา ระบุอีกว่า เตรียมเสนอให้ ประธานคณะกรรมาธิการ ตรวจสอบการจัดซื้อรถจักรยานยนต์สายตรวจ ยี่ห้อไทเกอร์ ให้กับสถานีตำรวจทั่วประเทศ ในปี 2550 ช่วงที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ดำรงตำแหน่งผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ โดยขอให้เรียกผู้เกี่ยวข้องกับการจัดซื้อมาชี้แจง เพราะเป็นเรื่องที่สังคมให้ความสนใจ เนื่องจากคณะ ป.ป.ช.ได้ชี้มูลการทุจริต  และเห็นว่าคุณภาพของรถไม่สมกับราคา [ปารีณาบอกว่า เป็นรถที่ห่วยมาก สตาร์ทยาก เร่งไม่ขึ้น และใช้งบประมาณสูง]

สำหรับกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่า การเข้ามาใน กมธ. เป็นเพียงสีสันนั้น มองว่า เป็นสิทธิ์ของทุกคนที่จะวิพากษ์วิจารณ์ แต่จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และอยากฝากถึง พล.ต.อ. เสรีพิศุทธ์ กับการใช้อำนาจ กมธ. ว่า ต้องทำอย่างมีขอบเขต ส่วนจะถึงขั้นดำเนินคดีหรือไม่ ขอปรึกษากับผู้ที่เกี่ยวข้อง และว่า ส.ส.กับตำรวจ มีอำนาจต่างกันจึงอยากให้ใช้อำนาจด้วยความระมัดระวัง และในฐานะที่เป็นผู้แทนราษฎร มีหน้าที่รับใช้ประชาชน อยากให้วางตัวและมีกิริยาที่ให้เกียรติคนอื่น รวมถึงอยากให้มีคำพูดที่นุ่มนวลลง

ทางด้าน นายสิระ ยืนยันจะทำงานให้เกิดประโยชน์กับประเทศชาติ และตั้งใจจะหยิบยกมติที่ กมธ.เคยลงมติไปแล้วมาทบทวนว่า มติใดที่สุ่มเสี่ยงขัดรัฐธรรมนูญ เช่น ประเด็นการถวายสัตย์ปฏิญาณไม่ครบ ว่า เรื่องนี้มีความสำคัญมากน้อยแค่ไหน เพราะ กมธ.ชุดนี้ต้องรับผิดชอบ ไม่ทำผิดมาตรา 157 ของประมวลกฎหมายอาญา

รวมถึงการรื้อประเด็น “นาฬิกาเพื่อน” มาพิจารณาทั้งที่กระบวนการเสร็จสิ้นไปแล้ว ส่วนตัวเห็นว่า พล.ต.อ.เสรีพิสุทธ์ ก็ยืมรถเพื่อนมาใช้ในขณะที่มีเงิน 40-50 ล้านบาท เห็นว่า กมธ.ควรตรวจสอบประเด็นที่เป็นเรื่องความเดือดร้อน การทุจริตมากกว่า

ขณะเดียวกัน นอกจากการปราบปรามการทุจริตแล้ว ยังต้องให้ความเป็นธรรมกับข้าราชการที่ ป.ป.ช. ชี้มูลไปแล้ว แต่สุดท้ายศาลยกฟ้อง บุคคลเหล่านั้นต้องได้รับความเป็นธรรมด้วย

ส่วนกรณีที่ พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ระบุว่าการที่พรรคพลังประชารัฐ ส่งนายสิระและ น.ส.ปารีณา เข้ามาใน กมธ. เป็นเกมการเมือง แต่ไม่มีความรู้นั้น นายสิระ กล่าวว่า เป็นไปตามระเบียบ และพรรคได้พิจารณาแล้วว่า ตนและน.ส. ปารีณา เคยทำงานการตรวจสอบทุจริตมาตลอด มีความรู้ความสามารถการตรวจสอบทุจริตเป็นที่ประจักษ์ มีความเหมาะสม ไม่ใช่เรื่องการเมือง และยืนยันว่าจะทำงานราบรื่นได้ตามระเบียบข้อบังคับ ทั้งนี้ รู้สึกเป็นห่วง พล.ต.อ.เสรีพิศุทธ์ ในฐานะที่เป็นผู้ใหญ่ที่เคารพ ที่อายุเยอะแล้ว จึงฝากว่า หากมีเวลาขอให้ไปหาหมอตรวจสุขภาพร่างกาย สุขภาพจิตและความดันบ้าง

มีรายงานว่า ก่อนการให้สัมภาษณ์ นายมงคลกิตต์ สุขสินธารานนท์ ส.ส.พรรคไทยศรีวิไลย์ ได้เดินมาพบนายสิระ พร้อมจับมือให้กำลังใจกัน เพราะต่างถูกร้องเรียน โดยนายมงคลกิตต์ บอกกับนายสิระว่า เมื่อไปอยู่กรรมาธิการ ปปช. แล้วขอให้ถ้อยทีถ้อยอาศัย อย่าทะเลาะกัน และหากมีอะไรขอให้บอก พร้อมจะไปเป็นกรรมการ