ไม่พบผลการค้นหา
ตำรวจมาเลเซียสอบปากคำผู้สื่อข่าวอัลจาซีรา 6 คนในข้อหายุยงปลุกปั่น หลังเผยแพร่สารคดีเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติในกรุงกัวลาลัมเปอร์ระหว่างการแพร่ระบาดของโควิด-19

ตำรวจมาเลเซียเรียกสอบปากคำผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวอัลจาซีรา 6 คน ซึ่งเป็นชาวมาเลเซีย 1 คน เป็นชาวออสเตรเลีย 5 คน หลังถูกกล่าวหาว่ายุยงปลุกปั่น หมิ่นประมาทและละเมิดกฎหมายสื่อสารและมัลติมีเดียของมาเลเซีย จากการเผยแพร่ภาพยนตร์สารคดีเกี่ยวกับแรงงานข้ามชาติในกรุงกัวลาลัมเปอร์ระหว่างช่วงโควิด-19 ระบาด นอกจากนี้ สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองได้ออกหมายจับแรงงานข้ามชาติที่ให้สัมภาษณ์ในสารคดี และขอให้สาธารณะให้ข้อมูลเกี่ยวกับแรงงานคนนี้

สารคดี Locked Up in Malaysia’s Lockdown ความยาว 25 นาทีของอัลจาซีราที่ออกอากาศไปเมื่อวันที่ 3 ก.ค.ที่ผ่านมา เล่าเรื่องการบุกจับแรงงานข้ามชาติและแรงงานที่ต้องหลบเจ้าหน้าที่ ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ทั้งสื่อท้องถิ่นและสื่อต่างชาติ โดยสารคดีชิ้นนีสำรวจเหตุผลว่าทำไมแรงงานข้ามชาติผิดกฎหมายจึงเผชิญความเสี่ยงในช่วงที่โควิด-19 ระบาด 

สารคดีนี้ทำให้ทางการมาเลเซียถูกวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง จากการล้อมจับแรงงานผิดกฎหมายหลายร้อยคนในเดือน พ.ค.ที่ผ่านมา โดยอ้างว่าพยายามควบคุมการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา แต่สหประชาชาติกล่าวว่า การจับกุมแรงงาข้ามชาติผิดกฎหมายไปรวมกันไว้ในอาคารสถานกักตัวผู้อพยพไม่ให้ไปไหนจะยิ่งทำให้กลุ่มเปราะบางตัดสินใจหลบหนี แทนที่จะเข้าไปขอความช่วยเหลือ

อย่างไรก็ตาม สื่อท้องถิ่นและทางการมาเลเซียกล่าวว่า รายงานของอัลจาซีรามีข้อมูลไม่ถูกต้อง ทำให้เข้าใจผิด และไม่ยุติธรรม แต่ทนายความของผู้สื่อข่าวอัลจาซีรากล่าวว่า ผู้สื่อข่าวทั้งหมดปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา และอัลจาซีราไม่มีความตั้งใจที่จะสร้างความเสียหายใดๆ

ด้านสำนักข่าวอัลจาซีราระบุว่า สำนักข่าวรู้สึก “กังวลอย่างยิ่งที่พนักงานตกเป็นเป้าการสอบสวนของตำรวจ การตั้งข้อหากับผู้สื่อข่าวที่ทำหน้าที่ของตนเองไม่ใช่การกระทำในระบอบประชาธิปไตยที่ให้คุณค่ากับเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น และการรายงานข่าวไม่ใช่อาชญากรรม”

นอกจากนี้ อัลจาซีรายังกังวลอย่างมากเกี่ยวกับการคุกคามบนโลกออนไลน์ที่ทีมทำสารคดี 101 East ของอัลจาซีราตกเป็นเป้าโจมตีบนโลกออนไลน์อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งยังถูกขู่ฆ่า มีการเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวของพนักงานทั้งในปัจจุบันและในอดีตบนโลกออนไลน์ ถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัวที่ร้ายแรง อาจทำให้พวกเขาเผชิญความเสี่ยงทั้งในปัจจุบันและในอนาคต

พันธมิตรสื่อ การบันเทิงและศิลปะของออสเตรเลียได้ยื่นจดหมายถึงข้าหลวงใหญ่ของมาเลเซียให้ถอนคดีนี้ โดยจดหมายดังกล่าวระบุว่า นับตั้งแต่ออกอากาศ เจ้าหน้าที่ของอัลจาซีราในมาเลเซียตกเป็นเป้าโจมตีในแคมเปญคุกคามออนไลน์อย่างต่อเนื่อง ถูกขู่ฆ่า และถูกเปิดเผยข้อมูลส่วนตัวบนโซเชียลมีเดีย ซึ่งจะทำให้มีการคุกคาม ข่มขู่ต่อไปอีก ส่วนแหล่งข่าวในสารคดีก็ถูกตามล่าด้วยหมายจับ

พันธมิตรสื่อฯ ยังกล่าวว่า สารคดีนี้ได้กล่าวถึงความสำเร็จของมาเลเซียในการควบคุมโตวิด-19 และผู้สื่อข่าวของอัลจาซีราพยายามติดต่อรัฐบาลมาเลเซียเพือให้สารคดีรอบด้านแล้ว แต่กลับถูกปฏิเสธหลายครั้ง และสารคดียังรวมรายงานข่าวจากสำนักข่าวอื่นๆ เช่น เซาท์ไชน่ามอร์นิงโพสต์

อย่างไรก็ตาม อิสมาอิล ซาบรี ยาคอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมเรียกร้องให้อัลจาซีราขอโทษชาวมาเลเซีย โดยระบุว่า ข้อกล่าวหาว่ามีการเหยียดเชื้อชาติและเลือกปฏิบัติต่อแรงงานข้ามชาติปิดกฎหมายไม่เป็นความจริง

 

ที่มา : Al Jazeera, The Guardian