ไม่พบผลการค้นหา
สภาฯ อภิปรายตั้งงบ พม. ผิดปกติ ส.ส.ฝ่ายค้านโวย พอช. สร้างบ้านมั่นคง แต่ผลักภาระดอกเบี้ยให้ประชาชน ขณะที่ฝ่ายค้านงดแสดงตนระหว่างพิจารณามาตรา 14 ทำให้สภาฯ หวิดล่ม โดยรัฐบาลได้เสียงเกินมาเพียง 3 เสียง

ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎรวันที่สอง พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2563 ในวาระที่ 2 ขั้นพิจารณารายมาตรา ที่ประชุมได้มีมติเห็นด้วยตามที่กรรมาธิการมีการแก้ไขกับมาตรา 11 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ด้วยมติ 244 ต่อ 2 เสียง งดออกเสียง 210 เสียง จากนั้นเข้าสู่การพิจารณามาตรา 12 งบประมาณรายจ่ายของกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และหน่วยงานในกำกับ วงเงิน 17,898 ล้านบาท โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ กรรมาธิการเสียงข้างน้อย อภิปรายเสนอปรับลดงบประมาณร้อยละ 15 โดยตั้งข้อสังเกตถึงความผิดปกติในการตั้งวงเงินงบประมาณ โดยเทียบกับเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุปี 2561 จำนวน 8.38 ล้านคน วงเงิน 66,407 ล้านบาท ซึ่งเมื่อรวมแล้วพบว่าสูงกว่างบประมาณทั้งกระทรวงที่เสนอในปี 2563 หลายเท่าตัว และยังมีกรณีเด็กผู้มีสิทธิแต่ยังไม่ได้ลงทะเบียนรับสิทธิ์ ตามโครงการเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิดจำนวนกว่า 5 แสนคน รวมวงเงิน 4,563 ล้านบาท

ด้าน นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ ส.ส.กทม. พรรคเพื่อไทย อภิปรายตั้งข้อสังเกตถึงการแก้ไขปัญหาที่อยู่อาศัยให้กับผู้มีรายได้น้อย โดยสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. ที่เกิดขึ้นเพื่อสร้างความมั่นคงเกี่ยวกับที่อยู่อาศัย และมีพันธกิจให้การช่วยเหลือเกี่ยวกับการเงินและสินเชื่อให้กับองค์กรชุมชนเพื่อทำบ้านมั่นคง แต่กลับทำให้ประชาชนต้องแบกรับภาระในอัตราร้อยละ 4 ต่อปี และบุคลากรที่เข้าไปดำเนินการ ยังไม่ค่อยมีความพร้อมเข้าไปดูแลสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจให้กับประชาชน โดยปีนี้จะดำเนินการบ้านมั่นคงริมคลองเปรมประชากร วงเงิน 900 กว่าล้านบาท แต่ประชาชนในพื้นที่ไม่ได้ตอบรับ เพราะไม่อยากแบกรับภาระหนี้สินที่อยู่อาศัยใหม่

นายอิสสระ สมชัย ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อภิปรายขอให้มีการจัดงบประมาณให้กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จัดตั้งสภาเด็กและเยาวชนทุกตำบล เพื่อให้เยาวชนมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาในพื้นที่ รัฐบาลควรช่วยเหลือการสงเคราะห์ค่าจัดการศพผู้สูงอายุ ปีละ 400,000 คน รวม 800 ล้านบาทต่อปี และขอให้ดูแลปัญหาการปลอมใบรับรองแพทย์เพื่อรับเงินสงเคราะห์คนพิการเดือนละ 800 บาท ซึ่งต้องมีการกวดขัน เนื่องจากทำให้เกิดความเสียหาย และอภิปรายสนับสนุนงบประมาณ 2 พันกว่าล้านบาทที่จัดสรรให้สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน หรือ พอช. เพื่อทำโครงการบ้านมั่นคง ซึ่งมีต้นแบบที่คลองลาดพร้าว

เพื่อไทย-ประชุมสภา-พ.ร.บ.งบประมาณประชุมสภา-พ.ร.บ.งบประมาณ

อย่างไรก็ตาม การประชุมสภาฯ ได้เกิดความวุ่นวายเล็กน้อย เมื่อสมาชิกอภิปรายมาตรา 14 งบประมาณของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ วงเงิน 3.25 หมื่นล้านบาทจบลง นายศุภชัย โพธิ์สุ รองประธานสภาผู้แทนราษฎร คนที่ 2 ที่ทำหน้าที่ประธานในที่ประชุมอยู่ได้สั่งให้ได้ขอตรวจสอบองค์ประชุม เพื่อที่จะดำเนินการลงมติ โดยผลปรากฎว่ามีสมาชิกแสดงตนเพียง 252 คน เกินจากจำนวนกึ่งหนึ่งของสมาชิกทั้งหมดมาเพียง 3 คนเท่านั้น จากนั้นประธานได้ขอให้สมาชิกลงมติ ซึ่งหลังจากลงมติเสร็จปรากฎว่าบรรยากาศภายในห้องประชุมเกิดความวุ่นวาย มีการเดินไปเดินมาของสมาชิกทั้งฝ่ายรัฐบาลและฝ่ายค้าน 

จากนั้น ที่ประชุมเข้าสู่การพิจารณางบประมาณในส่วนของกระทรวงคมนาคม โดยคนแรกที่จะอภิปราย คือ นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ พรรคอนาคตใหม่ แต่ก่อนที่จะอภิปราย นายสุรเชษฐ์ ได้กล่าวกับประธานว่าได้ดูแลความเรียบร้อยในห้องประชุมให้เกิดความสงบก่อนจะดีหรือไม่ โดยนายศุภชัย ที่ทำหน้าที่ประธานการประชุมได้ตอบกลับว่า “เดี๋ยวก็เรียบร้อยเอง โตๆ กันแล้ว ไม่ต้องห่วง” 

ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส. จังหวัดน่าน พรรคเพื่อไทย ลุกขึ้นขอหารือว่าจากบรรยากาศในการประชุมขณะนี้ อยากขอให้ประธานพิจารณาว่าควรจะมีการพักประชุมดีหรือไม่ แล้วค่อยกลับมาประชุมอีกครั้ง ซึ่งประธานได้ตอบกลับว่า ขอให้วิปของทั้งสองฝ่ายไปหารือกันนอกห้องประชุม อย่ามาเดินคุยกันในห้องประชุม ส่วนสมาชิกที่สงวนความเห็น สงวนคำแปรญัตติไว้ก็อภิปรายต่อไป และเมื่อหารือกันได้ข้อสรุปแล้วค่อยนำมาเสนอต่อประธาน

ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า เหตุผลที่มีสมาชิกแสดงตนเพียง 252 คนนั้น เนื่องจากพรรคร่วมฝ่ายค้านมีมติไม่ให้สมาชิกแสดงตน เนื่องจากฝ่ายค้านต้องการให้ปิดประชุมแล้วเลื่อนไปสัปดาห์หน้า แต่ฝ่ายรัฐบาลไม่ยอม ฝ่ายค้านจึงไม่แสดงตน เพื่อตรวจสอบคะแนนเสียงของฝ่ายรัฐบาลว่าอยู่ครบถ้วนหรือไม่ เนื่องจากเห็นว่ามีสมาชิกบางคนของรัฐบาลได้เดินออกไปจากห้องประชุมบางส่วน

จากนั้นที่ประชุมมีมติเห็นชอบมาตรา 16 งบประมาณรายจ่ายกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม วงเงินกว่า 4.5 พันล้านบาทที่กรรมาธิการมีการแก้ไขด้วยมติ 241 ต่อ 66 เสียง งดออกเสียง 136 เสียง ไม่ลงคะแนนเสียง 3 เสียง 

ข่าวที่เกี่ยวข้อง