ไม่พบผลการค้นหา
การประท้วงในฮ่องกงยกระดับความรุนแรงเพิ่มขึ้นตั้งแต่วันที่ 13 ตุลาคม เมื่อเจ้าหน้าที่อ้างว่าถูกวัตถุไม่ทราบชนิดแทงระหว่างปะทะกับผู้ชุมนุม นักวิเคราะห์มองเศรษฐกิจฮ่องกงถูกกระทบ นักลงทุนอาจหนีจากตลาดหุ้นฮ่องกงสู่สิงคโปร์ ฟากจีนรอชิงความได้เปรียบเข้าควบคุมสถานการณ์

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ตำรวจฮ่องกงรายหนึ่งถูกวัตถุไม่ทราบชนิดแทงบริเวณคอระหว่างการปะทะกับผู้ชุมนุนเมื่อวันอาทิตย์ที่ 13 ต.ค. โดยจากคำให้การของตำรวจกล่าวว่าเจ้าหน้าที่ถูกแทงบริเวณคอด้วย "วัตถุมีคม" บริเวณสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ขณะที่เจ้าหน้าที่ยิงแก๊สน้ำตาในหลายพื้นที่เพื่อสลายกลุ่มผู้ชุมนุมที่พยายามเข้าทำลายร้านค้าและพื้นที่สาธารณะ

ประท้วงฮ่องกง

ด้วยเหตุดังกล่าว ส่งผลให้เส้นทางเดินรถไฟฟ้าใต้ดินถูกเลื่อนให้ปิดให้บริการเร็วขึ้นในเวลา 22.00 น. ในวันเกิดเหตุ อย่างไรก็ตาม เส้นทางเดินรถไฟพิเศษจากสนามบินยังคงให้บริการตามปกติ

การเดินขบวนประท้วงเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมากระจายตัวออกไปยังพื้นที่ 18 เขตของฮ่องกง เพื่อหวังกดดันให้รัฐบาลออกมาตอบสนองข้อเรียกร้องที่ยังเหลืออยู่ของผู้ชุมนุม ซึ่งรวมไปถึงสิทธิในการเลือกผู้นำเขตปกครองพิเศษ

อย่างไรก็ตาม รายงานข่าวจากต่างประเทศระบุด้วยว่า แม้การชุมนุมมีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง แต่เหตุการณ์ในวันอาทิตย์ที่ผ่านมายังถือว่าไม่รุนแรงเท่ากับช่วงต้นเดือน ต.ค. ที่ส่งผลให้ต้องหยุดการเดินรถไฟฟ้าใต้ดินทั้งหมด หลังจาก 'แคร์รี หล่ำ' ผู้บริหารสูงสุดของฮ่องกง ออกมาประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินที่ไม่มีการประกาศใช้กว่าครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา เพื่อห้ามไม่ให้ผู้ชุมนุมสวมใส่หน้ากากมาร่วมชุมนุมประท้วง

ประท้วงฮ่องกง

ทิศทางไม่สดใส 

สำนักข่าวบลูมเบิร์ก รายงานว่า สถานการณ์การประท้วงของฮ่องกงยังคงน่าเป็นห่วงเนื่องจากหลายกิจกรรมจากฝั่งรัฐบาลในสัปดาห์นี้อาจกระตุ้นเชื้อไฟในการประท้วงเพิ่มขึ้น

ส่วนสัปดาห์หน้า 'แคร์รี หล่ำ' มีกำหนดกล่าวนโยบายด้านเศรษฐกิจประจำปี อีกทั้งฝ่ายนิติบัญญัติในสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ ก็มีกำหนดโหวตพระราชบัญญัติที่กำหนดให้ฮ่องกงส่งรายงานประจำปีเกี่ยวกับสถานะทางการค้าพิเศษและความเป็นไปได้ในการคว่ำบาตรเจ้าหน้าที่จีน ซึ่งผู้ประท้วงมีแผนออกมาเดินขบวนประท้วงสนับสนุน พ.ร.บ. ดังกล่าว ในวันนี้ (14 ต.ค.) ในเวลา 19.00 น. ตามเวลาท้องถิ่นฮ่องกง

ประท้วงฮ่องกง

'โจเซฟ เฉิง' ศาสตราจารย์ด้านรัฐศาสตร์ กล่าวว่า "ผู้ประท้วงและประชาชนในฮ่องกงต้องการเรียกร้องความสนใจจากต่างประเทศ และต้องการความเข้าใจจากต่างชาติ" อย่างไรก็ตาม ความรุนแรงที่เพิ่มขึ้นอาจกลายเป็นชนวนให้ผู้ประท้วงสูญเสียการสนับสนุนจากฝั่งต่างประเทศ 

นอกจากนี้ ยังมีความกังวลว่าความรุนแรงที่เกิดขึ้นจะถูกนำมาใช้เป็นข้ออ้างของฝั่งรัฐบาลในการเลื่อนการเลือกตั้งในเดือนหน้าออกไป

อนาคตของฮ่องกง : ทหารและการยุติ

สำนักข่าวซีเอ็นเอ็นรายงานว่า ความรุนแรงที่ยกระดับขึ้นอย่างต่อเนื่องเป็นการสร้างความท้าทายต่อ 'สีจิ้นผิง' ประธานาธิบดีจีนที่ทุกฝ่ายรู้กันดีว่าเป็นคนที่ไม่อดทนต่อความคิดเห็นที่ขัดแย้งกับแนวคิดของตัวเองโดยตรง 

สี จิ้นผิง

อย่างไรก็ตาม หลายฝ่ายยังมองไม่ออกว่า กรณีฮ่องกงที่ยืดเยื้อมาหลายเดือนนี้ จุดไหนจะเป็นฟางเส้นสุดท้ายของรัฐบาลปักกิ่ง และผู้ประท้วงในฮ่องกงต้องยกระดับความรุนแรงขึ้นไปอีกแค่ไหนทหารจากฝั่งรัฐบาลจีนจึงจะต้องออกมาควบคุมสถานการณ์ด้วยตนเอง 

แม้หลายฝ่ายเชื่อว่าการใช้กำลังทหารจากจีนแผ่นดินใหญ่เป็นตัวเลือกสุดท้ายของ 'สีจิ้นผิง' เนื่องจากการเคลื่อนไหวระดับนั้นจะนำมาซึ่งผลลัพธ์ที่หายนะทั้งกับฝั่งฮ่องกงและฝั่งจีนแผ่นดินใหญ่ แต่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ออกมายอมรับว่ารัฐบาลฮ่องกงในปัจจุบันไม่มีความสามารถในการควบคุมการประท้วงได้อีกต่อไป

ในมิติของเศรษฐกิจ ฮ่องกงยังเป็นยุทธศาสตร์สำคัญของจีนเรื่องการลงทุนจากต่างประเทศ แต่การประท้วงในปัจจุบันได้สร้างความเสียหายต่อเศรษฐกิจฮ่องกงมากพอแล้ว การเข้ามาของทหารจีนจะยิ่งเป็นการทำลายภาพลักษณ์ของเมืองแห่งความเปิดกว้างและความปลอดภัยต่อธุรกิจ ส่งผลให้บริษัทข้ามชาติหลายแห่งเลือกที่จะเปลี่ยนแหล่งการลงทุน 

'แคร์รี่ หล่ำ' เคยออกมากล่าวว่า หากสถานการณ์ไปในระดับนั้น "มีความเป็นไปได้ที่บริษัทข้ามชาติหรือบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นฮ่องกงจะหันไปหาสิงคโปร์หรือศูนย์กลางการเงินในเอเชียแปซิฟิคแห่งอื่น"

หากเป็นแบบนั้นจริง ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในตลาดการเงินและการลงทุนฮ่องกง จะส่งผลต่อบริษัทจีนหลายแห่งอย่างรุนแรง รวมทั้งนักลงทุนในจีนหลายคนก็เข้ามาลงทุนจำนวนมหาศาลในตลาดหุ้นฮ่องกงเช่นเดียวกัน ซึ่งการสูญเสียเงินมหาศาลอาจทำให้เศรษฐกิจพังได้ 

ประท้วงฮ่องกง

'มัลคอม เดวิส' นักวิเคราะห์อาวุโสจากสถาบันกลยุทธ์นโยบายออสเตรเลียกล่าวว่า สุดท้ายแล้ว พวกเขา (รัฐบาลจีน) ไม่สามารถปล่อยให้การประท้วงดำเนินไปอย่างไม่สิ้นสุด พวกเขาจะปล่อยให้มันยกระดับความรุนแรงขึ้นไม่ได้ 

เพราะสถานการณ์ในปัจจุบันกำลังบีบให้ต้องเลือกใช้กำลังทหารเข้ามาปราบปรามใกล้ขึ้นไปอีก และนั่นจะเป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายสำหรับตัวผู้ชุมนุมเอง 

อ้างอิง; CNN, SCMP, Bloomberg, NYT

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :