ไม่พบผลการค้นหา
ปธน.ทรัมป์สั่งเคลื่อนรถถัง-ยานเกราะ เพื่อแสดงแสนยานุภาพในวันชาติสหรัฐฯ 4 ก.ค. แต่ถูกติงจากหลายฝ่าย หวั่นรถถังทำถนนพัง เปลืองงบประมาณ ขณะที่ผู้เชี่ยวชาญชี้ รถถังเป็นยุทโธปกรณ์ในการรบแบบเก่า ควรหันไปพัฒนาแผนต่อสู้สงครามไซเบอร์แทน

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา ทวีตข้อความอวยพรชาวอเมริกันในวันที่ 4 ก.ค. ซึ่งตรงกับวันประกาศอิสรภาพจากการเป็นอาณานิคมอังกฤษเมื่อปี ค.ศ.1776 และกลายเป็นวันชาติสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา

ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ระบุว่า ประชาชนจากที่ต่างๆ จะเข้าร่วมงาน Salute To America ซึ่งถือเป็นหนึ่งในงานฉลองวันชาติที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์สหรัฐฯ ทั้งยังระบุด้วยว่า กิจกรรมต่างๆ จะจัดขึ้นที่บริเวณอนุสรณ์สถานลินคอล์นในกรุงวอชิงตันดีซี ตั้งแต่เวลา 18.00 - 21.00 น. โดยจะมีการแสดงแสนยานุภาพของฝูงบินแห่งกองทัพอากาศ ดอกไม้ไฟ และการกล่าวสุนทรพจน์ "แด่ประเทศที่ยิ่งใหญ่" ของ ปธน.ทรัมป์

  • ทรัมป์ระบุว่าการฉลองวันชาติในปีนี้จะเป็นการแสดงที่ต้องจดจำในระดับ 'ครั้งหนึ่งในชีวิต'

ก่อนหน้านี้ 1 วัน สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่าทีมโฆษกประจำทำเนียบขาวของสหรัฐฯ ยืนยันกำหนดการจัดงานฉลองวันชาติประจำปีนี้ว่าจะรวมถึงการเดินสวนสนามของเหล่าต่างๆ และกองดุริยางค์ของกองทัพ รวมถึงการขับเครื่องบินทิ้งระเบิด B-2 เครื่องบินขับไล่ F-35 และ F-22 ตลอดจนรถถัง M1 Abrams และยานเกราะรุ่น BFV ทำให้สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสหรัฐฯ ออกคำสั่งห้ามเครื่องบินและอากาศยานไร้คนขับขึ้นบินใกล้ท่าอากาศยานนานาชาติโรนัลด์เรแกนในช่วงที่มีการจัดแสดงของกองทัพ

ปธน.ทรัมป์ ถูกวิพากษ์วิจารณ์ว่าส่งสัญญาณด้านลบในช่วงที่สถานการณ์ทางการเมืองระหว่างประเทศอยู่ในภาวะตึงเครียด เพราะเขาเพิ่งทวีตข้อความเมื่อ 3 ก.ค. โจมตีจีนและยุโรปว่า "ผูกขาดการเงินในตลาดโลกเพื่อสร้างรายได้เข้ากระเป๋าตัวเอง" รวมถึงประกาศว่า "สหรัฐฯ มีเศรษฐกิจที่ดีที่สุดในโลก ทั้งยังมีกองทัพที่ยอดเยี่ยมที่สุดในโลกอีกด้วย" เมื่อผนวกกับการแสดงแสนยานุภาพทางทหารในวันชาติ ซึ่งต่างจากธรรมเนียมปฏิบัติของอดีตผู้นำสหรัฐฯ หลายคนในช่วงที่ผ่านมา ทำให้ทรัมป์ถูกมองว่ากำลังข่มขู่คุกคามประเทศอื่นๆ ที่มีกรณีพิพาทกันอยู่

AFP-ยานเกราะอเมริกัน Bradley Fighting Vehicle วันชาติสหรัฐฯ.jpg
  • ยานเกราะ BVF หนึ่งในยุทโธปกรณ์ที่เข้าร่วมในการสวนสนามฉลองวันชาติสหรัฐฯ ปี 2019

อย่างไรก็ตาม สำนักข่าวบีบีซีรายงานว่า คำสั่งเคลื่อนรถถัง ยานเกราะ และเครื่องบินรบ เพื่อร่วมขบวนพาเหรดวันชาติในปีนี้ของทรัมป์ เป็นอีกความพยายามหนึ่งในการผลักดันให้กองทัพสหรัฐฯ แสดงแสนยานุภาพทางการทหาร เพราะในงานรำลึกวันทหารผ่านศึกเมื่อเดือน พ.ย.ปีที่แล้ว ทรัมป์เคยเสนอให้กระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เคลื่อนรถถังและยุทโธปกรณ์มาร่วมงานดังกล่าวมาแล้วครั้งหนึ่ง แต่กระทรวงกลาโหมได้เผยแพร่บันทึกความเข้าใจในหน่วยงาน ชี้แจงว่า การเคลื่อนรถถังมาร่วมขบวนสวนสนามในพิธีดังกล่าวต้องใช้งบประมาณเกือบ 90 ล้านดอลลาร์ (ประมาณ 2,790 ล้านบาท) จึงเสนอให้ตัดกิจกรรมดังกล่าวออกไป 


ทรัมป์ชอบรถถัง เพราะ 'โหยหาอดีต' และอยากเป็นผู้นำที่เข้มแข็ง

เอลเลียต ดี. วู้ด ผู้สื่อข่าวของเดอะนิวยอร์กไทม์ส ซึ่งเป็นอดีตทหารผ่านศึกในสงครามอิรัก เขียนบทความ Why Trump Likes Tanks ตั้งคำถามถึงความชื่นชอบในอาวุธยุทโธปกรณ์ของทรัมป์ โดยประเมินว่า เกิดจากความรู้สึก 'โหยหาอดีต' ที่กองทัพสหรัฐฯ ได้รับการยกย่องชมเชยในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งความภาคภูมิใจเหล่านั้นเป็นสิ่งที่ทรัมป์เคยเห็นและชื่นชม แต่ไม่เคยมีส่วนร่วมด้วยตัวเอง เพราะเขาไม่เคยเกณฑ์ทหาร แม้แต่ในช่วงวัยหนุ่มซึ่งสหรัฐฯ เข้าร่วมในสงครามเวียดนาม และมีการเกณฑ์กำลังพลเป็นจำนวนมาก 

นอกจากนี้ ทรัมป์พยายามจะแสดงออกมาตลอดว่าตนเองเป็นผู้นำที่เข้มแข็งเด็ดขาด (Strongman) และรถถังในทัศนะของเขาก็คือ 'อาวุธ' หรือ 'เครื่องมือ' ที่จะนำไปใช้ตอบโต้หรือกำจัดศัตรูของตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นศัตรูภายในหรือภายนอกประเทศ แต่ในความเป็นจริงแล้ว 'รถถัง' เป็นเครื่องมือในการรบแบบเก่า ซึ่งไม่เหมาะสมกับสมรภูมิที่ดำเนินอยู่ในหลายประเทศทั่วโลกในปัจจุบัน แม้แต่รถถังที่นำมาแสดงในวันชาติครั้งนี้ ก็ถูกใช้งานครั้งสุดท้ายในการสู้รบที่เมืองฟัลลูจาของอิรักเมื่อปี 2004  

วู้ดระบุด้วยว่า ประเทศที่ยังมีการสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางการทหารอย่างเต็มรูปแบบในศตวรรษที่ 21 ส่วนใหญ่เป็นประเทศที่ปกครองโดยรัฐบาลเผด็จการหรือระบอบอำนาจนิยม แต่กรณีของรัฐบาลสหรัฐฯ ควรคำนึงถึงการพัฒนาศักยภาพในการรับมือหรือตอบโต้การโจมตีทางไซเบอร์จะดีกว่า เพราะในอนาคตการทำสงครามไซเบอร์จะส่งผลกระทบต่อสังคมในวงกว้างมาก โดยวู้ดยกตัวอย่างเหตุการณ์ที่กองทัพไซเบอร์อิหร่านเจาะระบบโดรนของสหรัฐฯ ในปี 2011 และบังคับให้โดรนดังกล่าวโหม่งพื้นดินทำลายตัวเอง 

AGP-ยานเกราะสหรัฐฯ BVF.jpg
  • ผู้สื่อข่าวที่เป็นอดีตทหารผ่านศึกระบุว่า รถถังหรือยานเกราะไม่จำเป็นต่อการสู้รบในสมัยศตวรรษที่ 21 เพราะสมรภูมิเปลี่ยนไปเป็นการทำสงครามในโลกไซเบอร์แทนแล้ว

ส่วนปี 2016 กลุ่มแฮกเกอร์ที่เกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนือก่อเหตุโจมตีระบบออนไลน์ของธนาคารและบริษัทพลังงานต่างๆ ในสหรัฐฯ ส่งผลกระทบต่อทั้งหน่วยงานรัฐและการดำเนินธุรกิจของเอกชน ซึ่งสิ่งเหล่านี้ไม่สามารถใช้รถถังหรือเครื่องบินรบในการแก้ปัญหาได้อย่างทันท่วงที แต่ต้องอาศัยกำลังพลผู้เชี่ยวชาญและระบบป้องกันการโจมตีที่เข้มแข็ง มีประสิทธิภาพ


รถถังหนักมาก ถนนอาจพังได้

อีกเหตุผลหนึ่งที่มีผู้นำมาต่อต้านการเคลื่อนรถถังเข้าร่วมขบวนพาเหรดวันชาติของสหรัฐฯ มาจากสภาบริหารกรุงวอชิงตันดีซี ซึ่งสมาชิกสภาลงมติออกแถลงการณ์คัดค้านอย่างเด็ดขาด โดยให้เหตุผลว่าโครงสร้างถนนหนทางในกรุงวอชิงตันฯ ไม่ได้ถูกสร้างมาให้รองรับยานพาหนะที่มีน้ำหนักมากอย่างรถถังหรือยานเกราะต่างๆ รวมไปถึงรถสายพานลำเลียงกำลังพลและรถบรรทุกทหารอีกหลายคัน 

  • สภากรุงวอชิงตันทวีตข้อความไม่เห็นด้วยกับการนำรถถังมาสวนสนามในเขตเมือง

เดอะวอชิงตันโพสต์ระบุว่า ยานเกราะขนาดเล็กกว่ารถถัง มีน้ำหนักราว 27 ตัน ส่วนรถถังรุ่น M1 และ M2 Abrams หนักกว่า 70 ตัน แต่ลานสวนสนามบริเวณแนชนัลมอลล์และอนุสรณ์สถานลินคอล์นสร้างขึ้นบนพื้นที่ที่เคยเป็นที่ราบลุ่มริมน้ำ การเคลื่อนกำลังพลในครั้งนี้จึงอาจส่งผลกระทบต่อโครงสร้างชั้นใต้ดินในพื้นที่จัดงาน และเหตุผลดังกล่าวเคยถูกพูดถึงในบันทึกความเข้าใจของกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ เมื่อปีที่แล้วเช่นกัน เพราะนอกจากจะไม่เห็นด้วยกับทรัมป์เรื่องค่าใช้จ่ายในการจัดงาน ก็ยังเป็นกังวลว่าโครงสร้างถนนในกรุงวอชิงตันจะได้รับผลกระทบด้วย

แม้กลุ่มผู้สนับสนุนทรัมป์และพรรครัฐบาลรีพับลิกันจะชักชวนกันผ่านสื่อสังคมออนไลน์ให้คนจำนวนมากไปร่วมงานฉลองวันชาติ "ครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์" แต่ฝ่ายที่คัดค้านการสวนสนามแสดงแสนยานุภาพทางทหารซึ่งทรัมป์พยายามผลักดันยังคงมองว่างานดังกล่าวสิ้นเปลืองงบประมาณโดยใช่เหตุ เพราะสำนักงานอุทยานแห่งชาติสหรัฐฯ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบดูแลสวนสาธารณะแนชนัลมอลล์ สถานที่จัดงาน ต้องแบ่งเงิน 2.5 ล้านดอลลาร์ (ราว 77.5 ล้านบาท) จากรายได้ที่มาจากการเก็บค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศมาใช้ในการเตรียมความพร้อมสำหรับงานวันชาติครั้งนี้ด้วย 

นอกจากนี้ ส.ส.พรรคเดโมแครต ฝ่ายค้านของสหรัฐฯ ท้วงติงเพิ่มเติมว่า ทรัมป์อาจจะใช้โอกาสขณะกล่าวสุนทรพจน์วันชาติเพื่อหาเสียงสำหรับการเลือกตั้งทั่วประเทศที่จะจัดขึ้นในปี 2020 เพราะทรัมป์พยายามผลักดันให้มีการบรรจุคำถามถึงผู้มีสิทธิเลือกตั้งสหรัฐฯ ในปีหน้า เพื่อสอบถามความคิดเห็นประชาชนว่าผู้ที่มีรายชื่อปรากฏในคำถาม "ถือเป็นพลเมืองอเมริกันหรือไม่" แต่โฆษกประจำทำเนียบขาวยืนยันว่าทรัมป์จะพูดถึงความรักชาติเพียงอย่างเดียว และจะไม่ฉวยโอกาสนี้ในการรณรงค์หาเสียงอย่างแน่นอน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง: