ไม่พบผลการค้นหา
'สมคิด' พา รมต.ร่วมก๊วนลงพื้นที่นครศรีธรรมราช-พัทลุง-ตรัง พร้อมผู้บริหาร ธ.ออมสิน-ธ.ก.ส. ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก โครงการประชารัฐสร้างไทย ผลักดันเศรษฐกิจฐานราก

นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายอุตตม สาวนายน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เดินทางไปยังจังหวัดนครศรีธรรมราช, พัทลุง และตรัง ติดตามการขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากประชารัฐสร้างไทย พร้อมกับผู้บริหารของธนาคารออมสิน และธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ภายใต้ชื่อ "โครงการประชารัฐสร้างไทย พัฒนาปักษ์ใต้ ขับเคลื่อนการพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากอย่างยั่งยืน ในพื้นที่ภาคใต้" 

นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผอ.ธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารมุ่งพัฒนาสังคม และเศรษฐกิจในทุกด้านของภาคใต้ รวมถึงทุกพื้นที่ทั่วประเทศ เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ส่งเสริมความเป็นอยู่ในระดับหมู่บ้านและแก้ไขหนี้นอกระบบ ซึ่งธนาคารตั้งเป้าว่า ภายในปี 2563 จะผลักดันเงินหมุนเวียนระบบเศรษฐกิจฐานราก และ SMEs ในพื้นที่ภาคใต้ 40,000 ล้านบาท ด้วยการผลักดันนโยบายจากรัฐบาล และกระทรวงการคลัง รวมถึงการร่วมมือทุกภาคส่วน จะทำให้การพัฒนาเศรษฐกิจของประเทศไทยเติบโตอย่างยั่งยืน

นายอภิรมย์ สุขประเสริฐ ผู้จัดการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. เปิดเผยว่า ธ.ก.ส. ได้ขับเคลื่อนโครงการธุรกิจชุมชนสร้างไทย เพื่อสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมทางเศรษฐกิจฐานรากที่สอดคล้องกับวิถีชีวิตของคนในชุมชน ประกอบด้วย กิจกรรมการผลิต กิจกรรมการซื้อ-ขายผลผลิต และการบริโภคของคนในชุมชนอย่างมีส่วนร่วม โดยใช้ทรัพยากรของชุมชน มีการแบ่งปันผลประโยชน์อย่างเกื้อกูลและเป็นธรรม มีแนวทางในการขับเคลื่อนที่เริ่มจากการค้นหาและศึกษาความต้องการของชุมชน ทั้งโอกาส ศักยภาพ ปัญหา แนวทางพัฒนาและแก้ไข เหมือนการระเบิดจากภายใน จากนั้นจึงเริ่มพัฒนา สร้างความเข้มแข็ง โดยยึดหลักตลาดนำการผลิตและมีการกำหนดแผนธุรกิจที่ชัดเจน ผสานความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชนในด้านการให้ความรู้ เทคโนโลยีนวัตกรรม งานวิจัย และงบประมาณ

อีกทั้ง ธ.ก.ส. ยังช่วยสนับสนุนสินเชื่อให้กับ Smart Farmer ผู้ประกอบการ SMEs เกษตร วิสาหกิจชุมชน และสหกรณ์การเกษตร เพื่อทำให้เกิดผลลัพธ์ คือ ความมั่นคงของเศรษฐกิจฐานราก มีภูมิคุ้มกัน มีรายได้ สวัสดิการสังคม และโอกาสทางการตลาดที่เพิ่มขึ้น

การดำเนินงาน ธ.ก.ส. ได้มีการอบรมและสร้างความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการดังกล่าวแก่พนักงานทั่วประเทศ โดยมอบหมายพนักงานพัฒนาลูกค้าดูแลรับผิดชอบธุรกิจชุมชนโดยตรง พร้อมทั้งแต่งตั้งคณะทำงานขับเคลื่อนระดับจังหวัดและอำเภอ จัดตั้งศูนย์ส่งเสริมและพัฒนาธุรกิจชุมชนทั้ง 77 จังหวัด เพื่อเป็นศูนย์กลางผสานความร่วมมือจากเครือข่ายภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคสังคมและภาคประชาชน พร้อมทั้งสนับสนุนสินเชื่อธุรกิจชุมชนสร้างไทย วงเงิน 50,000 ล้านบาท อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำที่สุดเพียงร้อยละ 0.01 ต่อปี และสินเชื่ออื่นๆ ตามแผนธุรกิจที่เหมาะสมตามความต้องการของแต่ละชุมชน เพื่อใช้ในการลงทุนและพัฒนารวมกว่า 100,000 ล้านบาท ซึ่งมีกลุ่มเป้าหมาย คือ กองทุนหมู่บ้าน กลุ่มเกษตรกร สถาบันการเงินประชาชน วิสาหกิจเพื่อสังคม วิสาหกิจชุมชน Smart Farmer SMEs เกษตรที่เป็นหัวขบวน และสหกรณ์การเกษตร 

อย่างไรก็ตาม ตามรายงานเรื่องภาวะเศรษฐกิจการคลังภูมิภาค ที่สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) เปิดเผยล่าสุด ระบุว่า ณ สิ้นปี 2562 เศรษฐกิจภาคใต้ขยายตัว จากการลงทุนภาคเอกชนและการท่องเที่ยวของชาวต่างชาติ แม้ว่าการบริโภคสินค้าคงทนลดลง โดยมียอดจดทะเบียนรถบรรทุกใหม่ในเดือน ธ.ค. 2562 หดตัวร้อยละ 4.3 เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน การจดทะเบียนใหม่ของรถยนต์นั่ง รถจักรยานยนต์ หดตัวร้อยละ 21.5 และร้อยละ 7.1 ตามลำดับ อีกด้านหนึ่ง ยังเห็นการจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในภูมิภาคนี้ยังอยู่ในเกณฑ์ดี เมื่อดูจากการจัดเก็บภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) ณ ราคาคงที่ ขยายตัวร้อยละ 4 ในหลายจังหวัด อาทิ สุราษฎร์ธานี ระนอง และปัตตานี

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :